นครสวรรค์ 11 ม.ค.-อุทาหรณ์สอนใจ หนุ่มจ้างผู้รับเหมาที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กรีโนเวทบ้านใหม่ แต่กลับถูกโกงรื้อไม้ไปขายต่อ เหลือแต่โครงหลังคา สูญเงินกว่า 1.2 แสนบาท ต้องกางเต็นท์นอน
วันนี้ นายวิกร พรสอน อายุ 27 ปี เจ้าของร้านตัดผมแฟชั่น ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว กรณีบ้านรีโนเวทในฝันเหลือเพียงแต่โครงสร้างหลังคา จากการถูกสองผัว-เมีย หลอกลวง อ้างตัวเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มาทำสัญญาในการรับรีโนเวทบ้านใหม่ในวงเงิน 120,000 บาท แต่เมื่อทั้ง 2 ได้รับเงินไปแล้ว กลับไม่มีการดำเนินการตามสัญญาจ้างแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีการนำไม้ที่ถอดออกมาจากตัวบ้านหลังเดิมนำไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าเอง จนทำให้ไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านได้ เพราะบ้านเหลือเพียงแค่โครงหลังคา จึงทำให้ต้องมากางเต็นท์นอนอยู่นอกบ้านแทนจวบจนทุกวันนี้
นายวิกร เล่าว่าเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ตนได้นำรูปบ้านเกิดของตนที่อาศัยอยู่กับมารดาและน้องชาย ในพื้นที่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “กลุ่มธุรกิจนครสวรรค์” เพื่อขอคำปรึกษาและประกาศหาผู้รับเหมาในการมารีโนเวทบ้านหลังเดิมให้สวยงามน่าอยู่ โดยหลังจากที่มีการโพสต์ลงไป ก็มีชายวัย 53 ปี ใช้ชื่อปลอม คือ นายเมธี กล่ำชัย ทักติดต่อมาให้คำปรึกษา พร้อมกับอาสารับจ้างจะรีโนเวทบ้านหลังเดิมให้ ซึ่งหลังจากที่นัดเจอกันในการพูดคุยการออกแบบปรับปรุงบ้านใหม่ ตนเกิดความเชื่อถือ เนื่องจากดูบุคลิก การแต่งตัว และการพูดจาเป็นผู้ใหญ่ มีการนำรูปถ่ายบ้านต่างๆ ที่อ้างว่าไปรับเหมาก่อสร้างตามที่ต่างๆ ทั้งบ้านของนักการเมือง และบ้านของข้าราชการผู้ใหญ่ จึงทำให้ตนตอบตกลงจ้างให้ชายคนที่ใช้ชื่อปลอมนี้มารีโนเวทบ้าน โดยมีการทำสัญญาจ้างรับเหมา ในราคา 120,000 บาท แต่ชื่อในสัญญาจ้าง นายเมธีกลับนำเอกสารบัตรประชาชนของภรรยา คือ นางกนกวรรณ พุทธศรี ชาว อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มาระบุอยู่ในสัญญาจ้างเป็นผู้รับเหมาแทน
“หลังจากมีการทำสัญญากัน ตนก็ได้นำเงินที่เก็บหอมรอมริมจากการเป็นช่างตัดผมมานานหลายปี จำนวน 120,000 บาท โอนเข้าบัญชีให้ทั้งหมด แต่ปรากฏว่า นายเมธี ได้มาเสนอแนะจะนำไม้ที่รื้อถอนจากโครงสร้างบ้านหลังเดิมทั้งหมดไปขาย โดยอ้างว่ามีพรรคพวกรับซื้อ แล้วจะนำเงินที่ได้จากการขายมาคืนให้ ตนจึงตอบตกลง เพราะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย รวมถึงไม้ที่รื้ออกมาไม่มีการนำมาใช้รีโนเวทต่อ เนื่องจากแบบบ้านที่รีโนเวทให้ใหม่ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ซึ่งถือเป็นแบบบ้านในฝัน ตนจึงให้นำไปขาย แต่หลังจากที่มีการรื้อถอนออกไป ตนกลับไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว อีกทั้ง ในระหว่างนี้ ยังมีการเจรจาขอบวกเงินเพิ่มอีก 30,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าสุขภัณฑ์และของตกแต่งในห้องน้ำ ซึ่งตนก็หลงเชื่อโอนเงินให้ไป แต่สุดท้ายกลับหายหน้า ไม่มีการมาปรับปรุงก่อสร้างใดๆ โดยปล่อยทิ้งไว้ให้เหลือแค่เพียงโครงสร้างหลังคา จนมารดาและน้องชายต้องเดือดร้อน ต้องออกมากางเต็นท์นอนอยู่นอกบ้าน เพราะอาศัยอยู่ไม่ได้”
นายวิกร เล่าต่อว่า ตนพยายามโทรศัพท์ติดต่อนายเมธีทุกวัน ก็ไม่ค่อยจะรับสาย หรือเมื่อรับสาย ก็จะพูดบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง จนตนรู้สึกว่าถูกโกงแน่ จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งสัญญาจ้าง และการพูดคุยกันผ่านไลน์ นำไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จึงทำให้ได้รู้ความจริงว่า นายเมธี มีชื่อจริงคือ นายชาคริส ดำรงเกียรติศักดิ์ ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างใด และมีพฤติกรรมร่วมกับภรรยา ก่อเหตุฉอโกงในลักษณะเดียวกันกับของตนเองมาแล้วหลายครั้ง และมีผู้เสียหายมาแจ้งความหลายรายด้วย โดยล่าสุด นายเมธี หรือนายชาคริส ถูกจับกุมในคดียาเสพติดอยู่ในเรือนจำ ส่วนภรรยามีอาชีพขายน้ำเต้าหู้ ซึ่งยังคงลอยนวลอยู่ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีแพ่ง จึงไม่มีความคืบหน้าใด แล้วตนก็ไม่รู้จะไปพึ่งปรึกษาใคร หมดหนทาง และบ้านในฝันก็ยังเหลือแต่โครงหลังคา จึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนกับนักข่าว
ต่อมา นายวิกร ได้นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.นครสวรรค์ เพื่อร้องเรียนและขอคำปรึกษา โดยในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ได้รับเรื่องไว้ แต่แนะนำให้ไปรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ถูกสองผัวเมียรายนี้โกงไป เพื่อร่วมยื่นฟ้องต่ออัยการที่ศาลจังหวัดจะเร็วกว่า และยังมีทนายอาสาประจำศาลคอยให้คำปรึกษาและดูแลคดีให้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย