เลย 9 ม.ค.- พมจ.เลย เตรียมพาสาววัย 14 เหยื่อรุ่นพี่ขืนใจฟื้นฟูสภาพจิต ผกก.แจงตั้งกรรมการสอบ เปลี่ยนตัวเจ้าของคดีแล้ว
กรณีญาติของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เลย ร้องเรียนผู้สื่อข่าว หลานสาวถูกรุ่นพี่ 3 คน มอมเหล้าก่อนรุมขืนใจจนรุ่งเช้า เหตุเกิดคืนวันที่ 31 ธ.ค.60 แต่หลังจากไปแจ้งความตำรวจกลับบอกให้ไปตามจับคนร้ายเอาเอง พร้อมกับร้องขอความเป็นธรรมให้ด้วย เพราะหลังจากเกิดเหตุก็ถูกข่มขู่ แถมหลานสาวยังผวาหนัก ไม่กล้าอยู่คนเดียว ซ้ำร้ายยังใช้มีดกรีดแขนตัวเองด้วย
เช้าวันนี้ทางญาติพาเด็กหญิงวัย 14 เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมบนศาลากลางจังหวัดเลย เพื่ร้องขอความเป็นธรรมคดีให้กับหลานสาว ญาติอีกคนหนึ่งของเด็กหญิงวัย 14 ปี เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า หลังจากเมื่อวานผู้สื่อข่าวได้มาทำข่าวและกลับไป ก็มีตำรวจหลายนายเข้ามาหาที่บ้าน บอกว่าจะนำตัวพ่อของเด็ก ตาและยายไปสอบสวนที่โรงพัก ทั้งญาติพี่น้องก็ได้คุยกันกลัวความไม่ปลอดภัยจึงปฏิเสธตำรวจ เพราะเรื่องเกิดมาตั้งนานพอเห็นผู้สื่อข่าวทำข่าวก็เพิ่งตื่นจะทำงานกัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย (พมจ.เลย) พร้อมด้วยนายราเชนท์ กงสิมมา นายกเทศมนตรีตำบลเชียงกลม ได้เข้าเยี่ยมให้กำลัง ด.ญ.เอ และตากับยาย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือสำหรับการเดินเรื่องดำเนินคดี ขณะที่ด.ญ.เอ ยังเก็บตัวอยู่ในบ้าน โดยยังไม่สามารถไปโรงเรียนได้
เจ้าหน้าที่ พมจ.เลย เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับด.ญ.เอ พบว่ายังมีอาการซึมเศร้า สภาพจิตใจยังหวาดผวา โดยหลังจากนี้จะได้นัดหมายกับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงกลม และทีมสหวิชาชีพเข้ามาสอบปากคำเด็ก หากเด็กยังมีสภาพจิตใจยังไม่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ พมจ.ก็จะนำเด็กไปเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูสภาพจิตใจที่โรงพยาบาลจิตเวชราชนครินทร์เลย ซึ่งจะเป็นการตรวจโดยเฉพาะทาง โดยในขณะนี้เด็กยังต้องการอยู่ที่บ้านกับตาและยายก่อน จึงต้องทำตามความประสงค์ของเด็ก
ด้าน พ.ต.อ.ภุชงค์ ภัทรพงษ์สิน ผกก.สภ.เชียงกลม ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังเกิดเหตุได้ออกไปตรวจสอบ เก็บพยานหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยเข้ามามอบตัว 2 คน เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี กับอายุ 19 ปี ส่วนอีก 1 คน กำลังติดตามตัวอยู่ โดยทั้ง 2 คน ได้ส่งฝากขังที่ศาลเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพกับญาติผู้เสียหายนั้น ผู้บังคับบัญชาไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากบกพร่องหรือมีความผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และได้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนรายนี้แล้ว เพื่อให้ญาติผู้เสียหายสบายใจเหตุที่ล่าช้า เพราะคดีนี้ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยได้สอบสวนพยานซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนไปแล้ว 11 คน ขอให้ผู้เสียหายคลายความกังวล เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย.-สำนักข่าวไทย