กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – จากคดีที่ประชาชนถูกมิจฉาชีพสวมบัตรประชาชนเปิดบัญชีไปหลอกลวง มีการโอนเงินจนเกิดความเสียหาย ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร พร้อมเสนอให้เพิ่มการพิสูจน์ตัวตนด้วยลายนิ้วมือ
ข้อเสนอให้มีการสแกนลายนิ้วมือเพิ่มเติมในการเปิดบัญชีเงินฝาก เป็นเสียงสะท้อนว่า ประชาชนไม่มั่นใจในกระบวนการและขั้นตอนว่ามีความรัดกุม และมีวิธีการพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าดีพอหรือไม่
จากการทดลองเปิดบัญชีวันนี้ ขั้นตอนแรก คือ ผู้เปิดบัญชีต้องไม่สวมหมวก หน้ากาก ปกปิดใบหน้า และต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการเปิดบัญชี จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสอบถามประวัติส่วนตัว เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวตนขั้นที่ 1 ในกรณีที่เป็นลูกค้าเก่า เจ้าหน้าที่จะอัพเดตข้อมูลได้ง่ายกว่าลูกค้าใหม่ ซึ่งต้องมีการซักถามประวัติกันละเอียดมากขึ้น
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำบัตรประชาชนไปอ่านในเครื่องอ่านบัตร ซึ่งพบว่าเครื่องอ่านบัตรไม่สามารถอ่านข้อมูลบนบัตรได้ทุกใบ เป็นจุดเสี่ยงที่ต้องเร่งแก้ไข ขั้นตอนต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารจะสอบถามถึงยอดเงินในการเปิดบัญชี และประเภทบัญชี รวมทั้งให้ลูกค้าลงลายเซ็น และตรวจสอบลายเซ็นจากเครื่องแบล็กไลท์ ซึ่งขั้นตอนการเปิดบัญชีจะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้จัดการสาขาต้องเซ็นอนุมัติ หลังจากมั่นใจว่าลูกค้าเป็นบุคคลเดียวกับในบัตรประชาชน
ส่วนคดีที่มิจฉาชีพสวมบัตรประชาชนแล้วไปเปิดบัญชีกับ 7 ธนาคาร ขณะนี้ ธปท.สั่งการให้ สถาบันการเงินตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อชี้แจงสาเหตุ และสิ่งที่ธนาคารได้ดำเนินการโดยเร็ว พร้อมกำชับให้สถาบันการเงินต้องรู้จักลูกค้าตามระเบียบของ ธปท.
แม้ธนาคารประกาศว่าเทคโนโลยีทางการเงินปลอดภัย แต่เรื่องเงินทองก็มีช่องโหว่อยู่เสมอ ทั้งระบบข้อมูลประชากรที่ไม่ได้เชื่อมโยงกัน และมิจฉาชีพที่มีรูปแบบกลโกงใหม่ ดังนั้น ผู้บริโภคควรระมัดระวังและยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ในยุคไทยแลนด์ 4.0. – สำนักข่าวไทย