กทม. 15 ม.ค.-ติดตามการขยายผลจับกุมแก๊งโรแมนซ์สแกมของนาย “ไซม่อน” ซึ่งมีการจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมีการขยายผลจับกุมคนไทยที่ร่วมขบวนการ โดยข้อมูลสำคัญคือ “ไซมอน” เคยเข้าไทยมา 3 ครั้ง โดยใช้ชื่อไม่ซ้ำกัน
นายอายัค ไซม่อน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน ถูกจับกุมได้ที่คอนโดที่พักย่านพระราม 9 ในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ห่างจากตู้เอทีเอ็มที่เขาไปกดเงินออกจากบัญชีไม่เกิน 3 กิโลเมตร และชื่อเจ้าของบัญชีที่เขาไปกดเงินคือชื่อของนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่อ้างว่าถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง จำนวน 9 บัญชี
เจ้าหน้าที่ขยายผลเข้าตรวจค้นภายในห้องพักนายไซม่อน นอกจากพบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก สมุดบัญชีธนาคาร รวมทั้งบัตรเอทีเอ็ม ยังพบเครื่องแต่งกายที่ตรงกับชุดที่นายไซม่อนใส่ในวันที่ไปกดเงิน ทั้งเสื้อคอปกสีดำเทาลายทาง หมวกฟีโดโร่ และแว่นตา
ที่สำคัญยังพบเศษกระดาษอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของนายไซม่อน เขียนด้วยลายมือเป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อปวีณา สิงห์วิบูลย์ จนนำไปสู่การเชื่อมโยงว่าเป็นนางสาวปวีณาคนเดียวกันกับที่ภาพวงจรปิดของธนาคารแห่งหนึ่งจับภาพได้ว่านำบัตรประชาชนของนางสาวณิชาไปเปิดบัญชี และถูกจับกุมได้ในที่สุด เธอยอมรับสารภาพ โดยบอกว่าได้รับการว่าจ้างจากนายไซม่อน 10,000 บาท ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารรวม 5 บัญชี แต่ได้รับเงินค่าจ้างจริงเพียง 4,000 บาท
ตำรวจสืบสวนขยายผลต่อพบว่านายไซม่อนเป็นเครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม เดินทางเข้ามาเมืองไทยแล้ว 3 ครั้ง และไม่เคยใช้ชื่อซ้ำกันเลย ครั้งแรกเข้ามาในชื่อนายเจอรี่ มีอาร์ แซทเทอร์เดย์ สัญชาติไนจีเรีย ก่อนถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมฐานอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนด จากนั้นเข้ามาอีกครั้งโดยเปลี่ยนชื่อเป็นนายเอ๊กซ์เฮีบร์ จัสตัส ซีบูท สัญชาติไนจีเรีย ก่อนที่ครั้งนี้จะเปลี่ยนชื่อและสัญชาติเป็นนายอายัค ไซม่อน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน โดยทั้ง 3 ครั้งเขาเข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เพิกถอนวีซ่านายไซม่อนแล้ว หลังพบว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกับธนาคารทั้ง 7 แห่ง ที่กลุ่มคนร้ายนำบัตรประชาชนของนางสาวณิชาไปเปิดบัญชีนั้น ขณะนี้ธนาคารทั้ง 7 แห่ง ได้ชี้แจงกับ ปปง. แล้วว่าก่อนให้เปิดบัญชีมีการให้ยืนยันตัวตนตามระเบียบ
หลังจากนี้ ปปง. จะตรวจสอบหลักฐานเอกสารและกล้องวงจรปิดประกอบการพิจารณาว่าธนาคารมีความบกพร่องในการตรวจสอบความถูกต้องบุคคลในการเปิดบัญชีหรือทำธุรกรรมการเงินหรือไม่ และหากพบไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณา ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดบัญชีละ 1 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย