ก.คลัง 9 ม.ค. – ครม.อนุมัติมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะ 2 เปิดลงทะเบียน ก.พ. พร้อมส่งทีมหมอประชารัฐสุขใจลงพื้นที่
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ) ซึ่งเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือระยะ 2 แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ซึ่งเป็นการบูรณาการโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีความครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นต้น โดยมีโครงการรองรับจำแนกตามมิติต่าง ๆ รวม 4 มิติ
สำหรับโครงการ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 การมีงานทำ เช่น การจัดหางานในประเทศและต่างประเทศโดยกระทรวงแรงงาน โครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพเพื่อผู้มีรายได้น้อยโดยกระทรวงพาณิชย์ โครงการตลาดประชารัฐโดยกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ซึ่งภายในประเทศมีตำแหน่งงานว่าง 100,000 ตำแหน่งและตำแหน่งงานในต่างประเทศ 7,000 ตำแหน่ง
มิติที่ 2 การฝึกอบรมอาชีพและการศึกษา เช่น โครงการฝึกอาชีพเร่งด่วนเอนกประสงค์ (ช่างชุมชม) โดยกระทรวงแรงงานโครงการเพิ่มทักษะอาชีพแก่เกษตรกรผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการมหาวิทยาลัยประชาชนโดยธนาคารออมสิน โครงการให้ความรู้ทางการเงินแก่เกษตรกรลูกค้าผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น มิติที่ 3 การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อพั ฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดย ธ.ก.ส. โครงการสินเชื่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ โครงการสินเชื่อ Street Food โดยธนาคารออมสิน เป็นต้น และมิติที่ 4 การเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เช่น โครงการให้กู้ยืมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และกระทรวงการคลัง การออมเพื่อการเกษียณอายุสำหรับแรงงานนอกระบบโดยกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โครงการดังกล่าวข้างต้นสามารถให้การสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้อย่างน้อย 4,695,407 คน นอกจากนี้ หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ สามารถเสนอโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เพิ่มเติมได้ และโครงการต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความจำเป็นในการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยความเห็นชอบของ คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) โดยจะติดตามความคืบหน้าและประเมินผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตรายบุคคล
นายพรชัย กล่าวว่า โครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทะเบียนที่ทีมหมอประชารัฐสุขใจเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้และยอมเปิดเผยข้อมูลบัญชีเงินในธนาคารปี 2560 และปี 2561 เพื่อภาครัฐจะได้ติดตามรายได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง จึงจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้น ส่วนแรกเป็นมาตรการภาคบังคับสำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีรายได้ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท จำนวน 5.3 ล้านคน กลุ่มนี้จะใช้มาตรการภาคบังคับให้ทุกคนต้องได้รับการเข้าสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยจะได้รับเงินใส่เข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเดือนละ 200 บาท จากเดิมได้รับเดือนละ 300 บาทรวมเป็นจะได้รับเงินเพิ่มเป็นเดือนละ 500 บาท ซึ่งจะได้รับตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคมปีนี้ หากรายใดไม่เข้าร่วมการพัฒนาคุณภาพชีวิตจะมีการเรียกเงินคืนเฉพาะจำนวนที่เพิ่มให้ 200 บาทแต่ละเดือน ซึ่งกลุ่มนี้ตั้งเป้าหมายขั้นต่ำว่าภายในปีงบประมาณ 2561จะมีรายได้เกินกว่าปีละ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าหลุดพ้นเส้นความยากจน คิดเป็นร้อยละ 20 ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นกลุ่มแรงงานที่มีอายุไม่เกิน 60 ปี กลุ่มนี้จะเข้าสู่กระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยเข้าสู่กระบวนการอบรมและฝึกอาชีพจะเสร็จเดือนสิงหาคมปีนี้ และเดือนกันยายนปีนี้จะบรรลุผลในการพัฒนาอย่างชัดเจน
ส่วนที่ 2 มาตรการภาคสมัครใจ ส่วนนี้เปิดกว้างให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้ง 11.4 ล้านคน หากมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ทีมหมอประชารัฐสุขใจรับลงทะเบียนเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้จะได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 100 บาทเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุก ๆ เดือนเช่นกันเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคมปีนี้ ทำให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเงินจ่ายเข้าเพิ่มจากเดือนละ 200 บาท เป็น 300 บาท หากรายใดไม่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตก็จะมีการเรียกเงินคืนเช่นกัน โดยลดการส่งเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลงตามจำนวนที่ได้รับ
คณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ หรือที่หมอประชารัฐสุขใจ (ทีม ปรจ.) ประกอบด้วย คณะทำงานระดับอำเภอซึ่งมีนายอำเภอเป็นหัวหน้าคณะและมีผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเรียกว่า Account officer : AO ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมาจาก ธ.ก.ส.และธนาคารออมสิน และการจ้างบุคคลเพิ่มเข้าไปทำหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพข้อเท็จจริง และให้คำแนะนำแก่ผู้บัตรสวัดิการแห่งรัฐที่เหมาะสมและสอดคล้องตามความจำเป็นของแต่ละบุคคลโดยการสัมภาษณ์รายบุคคลเพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาสอบถามความประสงค์ เพื่อทำแผนที่ชีวิตหรือ personalized pland เช่น การทำงานการฝึกอบรมอาชีพเป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดูแลตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการวิเคราะห์และติดตามเพื่อทราบว่าผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ละราย มีการพัฒนาอย่างไรหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่เพียงใด
โครงการนี้จะใช้เงินงบประมาณในการดำเนินการรวม 35,700 ล้านบาท แบ่งเป็นการเติมเงินให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 11.4 ล้านคน 13,900 ล้านบาท ใช้สำหรับโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. และหน่วยงานต่าง ๆ 18,000 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะกระตุ้น GDP ปี 2561 ได้ร้อยละ 0.06
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อจูงใจให้นายจ้างที่เป็นนิติบุคคลจัดการฝึกทักษะฝีมือให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือพิจารณาจ้างงานผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นกรณีพิเศษโดยให้หักรายจ่ายเป็นจำนวน 1.5 เท่า ดังนี้ 1. รายจ่ายที่นายจ้างได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.รายจ่ายที่นายจ้างได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฉพาะรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ทั้งนี้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2561 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562
มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ จะช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับคุ ณภาพชีวิตของผู้ถือบัตรสวัสดิ การแห่งรัฐอย่างเป็นรูปธรรม และถือเป็นมิติใหม่ของการจั ดทำมาตรการของรัฐบาล ใน 5 ประการด้วยกัน ดังนี้ 1. เป็นครั้งแรกของการจั ดทำมาตรการที่มีการบูรณาการความร่วมมื อและโครงการในการแก้ไขปั ญหาความยากจนซึ่งเป็นปั ญหารากเหง้าของประเทศ 2. เป็นการแก้ไขปั ญหาของประชาชนแบบไม่เหวี่ยงแห มีเป้าหมายชัดเจน (Targeted Poverty Alleviation) 3. เป็นการออกแบบแนวทางการพัฒนาคุ ณภาพชีวิตรายบุคคลโดยทีม ปรจ. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิ เคราะห์และเสนอแนะแผนที่ชีวิ ตให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่ งรัฐ 4. มีการบันทึกและติดตามผลสัมฤทธิ์ อย่างใกล้ชิดจากผู้ดูแลผู้มีบั ตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5. เป็นการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่ างรอบด้าน และยั่งยืน เพราะเป็นการติดอาวุธให้เครื่องมือแก่ผู้มีรายได้น้อยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย