กรุงเทพฯ -9 ม.ค. – ครม.เห็นชอบว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ เพิ่มความคล่องตัว สร้างแรงจูงใจและความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (9 ม.ค.) มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะกำหนดสิทธิการใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์อีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ นอกเหนือจากกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า โดยมีบทบัญญัติรองรับทรัพย์อิงสิทธิลักษณะต่าง ๆ ให้เกิดความชัดเจนในกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเกิดความคล่องตัวในการใช้ประโยชน์มากขึ้น
สำหรับสาระสำคัญ คือ การกำหนดทรัพย์อิงสิทธิผู้ให้ทรัพย์อิงสิทธิต้องเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนด และเจ้าของห้องชุดเท่านั้น การจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี การออกหนังสือรับรองให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ โดยทำเป็นคู่ฉบับ 3 ฉบับ ซึ่งการออกหนังสือรับรองนี้ให้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่กำหนดโดยกฎกระทรวง การกำหนดสิทธิของผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ การนำทรัพย์อิงสิทธิออกให้เช่า ขาย โอน หรือตกทอดแก่ทายาทได้ และนำไปใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้ การดัดแปลง ต่อเติม ปลูกโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างได้ และเมื่อสัญญาเลิกหรือระงับให้ทรัพย์ซึ่งได้ทำการดัดแปลง ต่อเติม หรือปลูกสร้างไว้ตกเป็นกรรมสิ ทธิของผู้ให้ทรัพย์อิงสิทธิ เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา การกำหนดหน้าที่ของผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิต้องจัดการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อปัดป้องภยันตรายแก่อสังหาริ มทรัพย์ที่มีทรัพย์อิงสิทธิ หรือกรณีบุคคลภายนอกรุกล้ำเข้ามาในอสังหาริมทรัพย์ที่มีทรัพย์อิงสิทธิ หรือเรียกร้องสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเหนืออสังหาริมทรัพย์ที่ มีทรัพย์อิงสิทธินั้น และให้แจ้งเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทราบโดยพลัน
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการสร้างแรงจูงใจและความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนหรือนักธุ รกิจที่จะนำเงินเข้ามาลงทุนหรือเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศให้สามารถใช้สิทธิในอสังหาริมทรัพย์สะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าและเกิดสภาพคล่องในภาคอสังหาริ มทรัพย์ของประเทศก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม. – สำนักข่าวไทย