รัฐสภา 8 ก.พ.- ที่ประชุมร่วมรัฐสภา รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กำหนดเวลางานกระบวนการยุติธรรม ขณะสมาชิกเสนอเพิ่มหน่วยงานกำหนดรายละเอียดการเลื่อนชั้นนักโทษในคดีร้ายแรง ป้องกันการลดโทษไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินงานทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า มีสาระรวมทั้งสิ้น 12 มาตรา มีบทบัญญัติกำหนดให้ 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, กรมพระธรรมนูญ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), ศาล , องค์กรอัยการ และ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา กำหนดการพิจารณาในขั้นตอนต่างๆ พร้อมกำหนดรายละเอียด อาทิ ให้มีการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม หากทำงานล่าช้าเกินสมควรแก่เหตุและไม่มีเหตุสมควร พร้อมให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิธีอื่นที่ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลโดยสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยในหลักการ แต่เสนอแนะความเห็นต่อการเพิ่มหน่วยงานที่ต้องถูกบังคับตามร่างกฎหมายดังกล่าว อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่ กกต.ไม่ถูกบัญญัติไว้ในร่างกฎหมาย อาจเป็นการจงใจของฝ่ายผู้มีอำนาจที่ต้องการใช้กลไกกกต. ที่กำกับการเลือกตั้ง ประกาศผลการเลือกตั้งไปในทางที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองได้ รวมถึงมีข้อเสนอให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เช่น กรมราชทัณฑ์ กำหนดระยะเวลา หรือ รายละเอียดเกี่ยวกับการเลื่อนชั้นนักโทษในคดีร้ายแรง หรือมีผลเสียหายกับประเทศ คดีทุจริต เช่น คดีจำนำข้าว เพื่อป้องกันการเลื่อนชั้นนักโทษที่มีผลต่อการพิจารณาลดโทษที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาใช้เวลาพิจารณานานกว่า 5 ชั่วโมง ก็มีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ด้วยคะแนน 601 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ก่อนตั้งกมธ.วิสามัญ จำนวน 35 คนเพื่อพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย