กรุงเทพ ฯ 4 ม.ค. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เตือนผู้ประกอบการติดตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และ ยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันทำการแรก ของปี 2561 ซึ่งแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี 3 เดือนที่ 32.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มาจากกระแสเงินทุนไหลเข้า ซึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องมาจากมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเอกชนยังต้องติดตามความผันผวนของทิศทางค่าเงินบาทในระหว่างปีอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่า จุดสนใจหลักๆ ของตลาดการเงินในปี 61 จะยังคงอยู่ที่สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกของเงินดอลลาร์ฯ แต่คงต้องยอมรับว่าการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะกลับขึ้นไปอยู่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นอาจจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในปีนี้ แต่คงจะต้องจับตาปัจจัยอื่นๆ ในระหว่างปีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเงินบาท รวมถึงความไม่แน่นอนของจังหวะเวลา ไม่ใช่จำนวนครั้งของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ความผันแปรของประเด็นทางการเมืองภายในสหรัฐฯ ตลอดจนเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง อาทิ สัญญาฟอร์เวิร์ด ออปชั่น และการเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ที่เหมาะสม อาจช่วยให้ภาคธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างประเทศ สามารถจัดการกับกระแสรายรับและบริหารต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวนของค่าเงินบาทในปีนี้ที่อาจมีภาพที่ไม่แตกต่างไปจากปีที่ผ่านมา