กรุงเทพ 2 ม.ค. –มีชัย นิยามปี 61 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เชื่อกฎกติกาที่ออกมา ได้รองรับทำให้เดินหน้าปฏิรูปประเทศได้อย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว พร้อมยอมรับตอบยากว่า ปี 61 จะได้เลือกตั้งหรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของกฎหมาย
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการเมืองในปี 2561 ว่า ขณะนี้กติกาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.เสร็จจากกรธ. แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งต้องรอดูในตอนนั้นก่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ปีนี้เป็นปีที่จะต้องเตรียมการในทุกด้าน และคงจะชุลมุนวุ่นวายในการทำงานพอสมควร เพราะกลุ่มที่ทำงานด้านปฏิรูปจะต้องเริ่มเสร็จเพื่อทำยุทธศาสตร์ชาติ กระบวนการปฏิรูปและกระบวนการจัดการเลือกตั้งจะต้องเริ่ม ขณะที่กกต.ที่กำลังสรรหาก็ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะได้มาครบ 7 คนหรือไม่ ซึ่งความวุ่นวายเหล่านี้ยังไม่นับรวมถึงอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่มีก็ได้ ดังนั้นจึงนิยามว่าปี2561 เป็น “ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง” แต่กฎกติกาที่ออกมาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวังแค่ไหนนั้น คงต้องใช้เวลา เพราะคงไม่สามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที และทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผลการปฏิรูปประกอบกัน แต่ยืนยันได้ว่ากฎกติกาที่ออกมาได้รองรับเพื่อให้เกิดความเที่ยงธรรม รวดเร็ว และมีกติกาที่ชัดเจน จึงหวังว่าการทำงานจะทำให้เดินหน้าได้รวดเร็ว
“เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ปี2561นี้คงจะมีการเปลี่ยนแปลงมาก ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำแผนการปฏิรูป ซึ่งจะเสร็จตอนต้นปี และต้องลงมือทำ การปฏิรูปก็คือการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ แล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นทั้งในภาครัฐ และในภาคประชาชน ภาครัฐเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำตามแผนปฏิรูป ภาคประชาชนต้องเริ่มปรับตัวเพื่อให้เข้ากับแนวทางปฏิรูปใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายให้สำเร็จอย่างที่คาดหวัง ประชาชนที่เคยละเมิดกฎหมาย อาจจะถูกกระทบ เพราะถ้าบังคับตามกฎหมายเคร่งครัด คนที่ทำผิดจะต้องถูกดำเนินการ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องปรับตัวหมด”นายมีชัย กล่าว
สำหรับนักการเมืองจะต้องปรับตัวอย่างไรนั้น นายมีชัย กล่าวว่า นักการเมืองก็ต้องปรับกติกาใหม่ เพราะในการเข้าสู่อำนาจ ได้มีการเปลี่ยนแปลง และขณะนี้วิธีคิดของประชาชนก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะตอนนี้ประชาชนไม่ได้รอฟังข่าว หรือรับข่าวจากสื่อหลักเพียงอย่างเดียว แต่ประชาชนยังทำตัวเป็นผู้สื่อข่าว และทำตัวเป็นผู้วิเคราะห์สถานการณ์กันได้เอง โดยสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์อะไร ก็จะฮือฮาอย่างที่ไม่สามารถหยุดได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องดีที่หากมีอะไรเกิดขึ้น จะทำให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งดีสำหรับการปฏิรูปประเทศ และเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้น่าจะทำให้ประเทศไปสู่จุดที่ดีขึ้น และจะทำให้มีผลดีไปถึงการเมือง ที่ทำให้ประชาชนเริ่มคิดอย่างมีเหตุมีผล
นายมีชัย ย้ำด้วยว่าตามรัฐธรรมนูญได้เขียนคุณสมบัติของกรรมการในองค์กรอิสระให้มีความกล้าหาญในการทำหน้าที่ เพราะมุ่งหวังให้กล้าหาญในการทำงาน และต้องกล้าที่จะลงคะแนนในกรณีตัดสินเรื่องที่สำคัญ ๆ ซึ่งเป็นการบังคับว่าต้องร่วมตัดสินใจลงคะแนน แต่ไม่ตัดสิทธิ์เรื่องการลาออก โดยยอมให้ลาออกได้ และหากไม่ร่วมตัดสินในเรื่องสำคัญ เท่ากับว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนในปี 2561 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ตอบยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้แล้ว 2 ฉบับ แต่ดูแล้วทำท่าจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะว่ามีการปรับเปลี่ยนกกต. และกระบวนการสรรหายังไม่จบ และไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะจบ จึงบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ พร้อมเมื่อไหร่ก็เดินหน้าเลือกตั้งไป ดังนั้นเชื่อว่าหหากการเลือกตั้งช้าลง ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบกับการปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆ .-สำนักข่าวไทย