กองทัพบก 30 ธ.ค.- แม่ทัพภาคที่ 4 เผยสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น นักท่องเที่ยวเดินทางลงพื้นที่ต่อเนื่อง เชื่อในปี 2561 สถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ ยืนยันเจ้าหน้าที่ให้การดูแลอย่างเต็มที่ เผยมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังไฟใต้ เปลี่ยนชื่อโครงการพาคนกลับบ้าน เป็น “พาน้องกลับบ้าน”
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงสถานการณ์ภาคใต้ ว่า มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางลงพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสนามบินหาดใหญ่ ซึ่งมีผู้ใช้บริการในปี 2560 มากถึง 4.4 ล้านคน ขณะที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โรงแรม รีสอร์ทถูกจองเต็มหมดในช่วงวันหยุดยาว เส้นทางหาดใหญ่-เบตง รถติดขัด เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ภาคใต้ไม่น่ากลัว ไม่น่าอันตราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้การดูแลอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในปี 2561 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ แต่ไม่ขอยืนยันจะไม่มีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเลย
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำนโยบายให้ประชาชนดูแลกันเอง รองรับการถอนกำลังทหารกลับที่ตั้งในอนาคต ยืนยันว่าหากมีการถอนทหาร จะไม่กระทบต่อการกำหนดเซฟตี้โซน เพราะได้กำหนดพื้นที่เซฟตี้โซนแล้ว 12-13 อำเภอ และเจ้าหน้าที่สามารถดูแลไม่ให้มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ขอระบุว่ามีพื้นที่ใดบ้าง เพราะจะถูกพุ่งเป้าจากขบวนการก่อความไม่สงบ” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนโครงการพาคนกลับบ้าน จะเปลี่ยนชื่อเป็นพา “น้องกลับบ้าน” ในฐานะที่ทำงานด้านการข่าวในพื้นที่มานาน ทราบดีว่ามีกลุ่มบุคคลจากหลายตระกูลในชายแดนภาคใต้เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายและภัยแทรกซ้อน ซึ่งคนกลุ่มเหล่านี้จะใช้วิธีว่าจ้างคนตกงานในพื้นที่ก่อเหตุรุนแรง เช่น โรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม่กีดขวางถนน โดยกองทัพภาคที่ 4 ได้ติดตามกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ ยืนยันว่าเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อความไม่สงบ ซึ่งได้ขึ้นบัญชีดำไว้ มีไม่ถึง 10 คน เบื้องต้นได้พูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้ และมีท่าทีเข้าใจต่อสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้โครงสร้างหนึ่งของปัญหาชายแดนภาคใต้คือมีนักการเมืองควบคุมผู้มีอิทธิพลและผู้มีอิทธิพลก็ควบคุมข้าราชการ โดยตนได้ประกาศไปแล้วว่าหากพบข้าราชการทำผิด ก็สั่งลงโทษด้วยการปลดออกจากราชการทันที
“สำหรับการพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น เป็นหน้าที่หลักของทีม พล.อ.อักษรา เกิดผล ในส่วนกองทัพภาคที่ 4 เป็นเพียงผู้ปฏิบัติ จึงถือว่าเป็นคนละส่วนกัน และไม่ขอพูดถึงการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เพราะ 14 จังหวัดที่รับผิดชอบจะต้องปลอดภัยทั้งหมด หากเกิดเหตุการณ์กับเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าทหาร ตำรวจ ชาวบ้าน หรือครู ต้องถูกจับหมดทุกคน ดังนั้น 14 จังหวัด ถ้าเกิดเหตุขึ้น กองกำลังรักษาความสงบ และกำลังเจ้าหน้าที่รัฐจะจับทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย” พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสข่าวการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 อำเภอนั้น ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา แต่ทหารพร้อมปฏิบัติ ซึ่งหน่วยปฏิบัติใน 3 จังหวัด พร้อมดูแลทุกอำเภออยู่แล้ว และที่สำคัญแผ่นดินไทยไปได้ทุกตารางนิ้ว อย่าไปกลัว ตนจะทำให้ทั้ง 14 จังหวัดให้เป็นเซฟตี้โซนทั้งหมด
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวถึงเหตุการณ์เผารถบัส ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ล่าสุด ว่า เรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณ เพราะตีความได้หลายรูปแบบ ทั้งเรื่องส่วนตัว เส้นทางเดินรถ หรือเรื่องความมั่นคง ขณะนี้ได้ประสานตำรวจ อำเภอ และฝ่ายปกครอง ซึ่งพอรู้ตัวแล้วว่ามีคนร้าย 8-9 คน.-สำนักข่าวไทย
