กรุงเทพฯ 11 ธ.ค.- กรมการขนส่งทางบก ยืนยันในปี 2561 เตรียมยกมาตรฐานสอบใบขับขี่ทุกด้าน โดยเฉพาะบุคคลที่มีโรคประจำตัว เสี่ยงต่อการขับขี่ เกิดอุบัตเหตุบนท้องถนน ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
นายกมล
บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก
เปิดเผยถึงการยกมาตรฐานระบบการสอบใบอนุญาตขับขี่ ที่จะดำเนินการในปี 2561
ซึ่งมีอยู่หลายประเด็น เริ่มจาก การในระบบอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้เต็มรูปแบบ ทั้งเซนเซอร์ตรวจผลการสอบปฎิบัติ เพื่อลดข้อโต้แย้งระหว่างผู้สอบและผู้คุมสอบ จนถึงการยืนยันตัวตนของผู้เข้าสอบ ที่ต้องมีการแสดงตัวตนโดยใช้บัตรประชาชน
ควบคู่การสแกนนิ้ว เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ได้ใบอนุญาตได้เข้ามาสอบจริง
และที่สำคัญภายหลังการหารือกับแพทยสภา ในประเด็นของสภาวะของโรคที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ กรมการการขนส่งทางบกจะออกประกาศกฎกระทรวงเพิ่มเติมในเร็วๆนี้
เพื่อระบุ โรคประจำตัวที่ไม่สามารถมีใบขับขี่ได้
ครอบคลุมโรคเบาหวาน ในระยะที่ต้องให้อินซูลิน ความดันโลหิตสูง โรคลมชัก ลมบ้าหมู
และผู้ผ่านการผ่าตัดหัวใจและสมอง ที่แพทย์ระบุว่าไม่สามารถขับขี่รถได้
ส่วนนโยบายของกระทรวงคมนาคม
ที่สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก พิจารณา การตรวจร่างกายผู้สูงอายุ ในรอบเวลาที่เหมาะสม
เพื่อให้มั่นใจในความพร้อมการขับขี่ ก่อนต่ออายุใบอนุญาตแต่ละครั้ง
ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกกำลังศึกษา แนวทางที่ใช้ในประเทศอังกฤษ
ซึ่งกำหนดให้ผู้อายุครบ 70ปี
ต้องมาตรวจสมรรถภาพสายตา และร่างกายทุก 3 ปี ก่อนต่อใบอนุญาตให้
ก็จะเป็นแนวทางที่กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณานำมาใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ในอนาคต กรมการขนส่งบก จะยกมาตรฐานการสอบได้รับใบขับขี่ให้สูงขึ้นในทุกด้าน เช่น การอบรมก่อนสอบ จะมากกว่า 5 ชั่วโมง
การสอบปฎิบัติมากกว่า 3 ท่า และเกณฑ์การผ่านข้อเขียน ที่จะต้องผ่านเกณฑ์ 90% ของข้อสอบ 50 ข้อ
ก็อาจปรับให้สูงขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย