กรุงเทพฯ 5 ธ.ค. – มติที่ประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง วันนี้ ได้พิจารณาเลือกผู้สมัครที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. ตามมาตรา 8 (1) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ครบทั้ง 5 คนแล้ว
สำหรับการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คนนั้น 2 คน จะได้รับการสรรหาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ส่วนอีก 5 คน จะได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งล่าสุดการประชุมวันนี้ (5 ธ.ค.) ที่ประชุมได้พิจารณาคัดเลือกครบทั้ง 5 คนแล้ว หลังจากเชิญผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงความคิดเห็นในเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 15 คน เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงได้พิจารณาลงมติเลือกผู้สมัครที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. ตามมาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 จำนวน 5 คน ดังนี้
1. นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ 2. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ 3. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ 4. นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ และ 5. นายประชา เตรัตน์
สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้งที่เหลืออีก 2 คน ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติเลือกนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา เป็น กกต.แล้ว และอีก 1 คน ในวันพรุ่งนี้ (6 ธ.ค.) จะมีการคัดเลือกเพิ่มเติม
ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะกรรมการสรรหา กกต. ยืนยันว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต.นั้นได้รับคะแนนเสียงถึง 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะกรรมการสรรหา กกต. มีเพียงนายประชาเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกในรอบที่ 2 พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุที่มีผู้สมัครคนดังหลายคนไม่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกว่า ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนด โดยบางคนเข้าไปถือหุ้นในองค์กรสื่อสารมวลชน และบางคนเป็นอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาไม่ครบ 5 ปี แต่กรณีที่มีผู้สมัครที่ไม่ผ่านการสรรหารอบแรก เพราะมีลักษณะต้องห้าม ได้ร้องเรียนมายังคณะกรรมการสรรหานั้น ที่ประชุมได้พิจารณาคำร้องแล้วพบว่า ทั้งหมดขาดคุณสมบัติจริงตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง จะประชุมเพื่อรับรองผลการประชุม ก่อนเสนอรายชื่อให้ที่ประชุมใหญ่ สนช.พิจารณาอีกครั้ง ภายในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ตามกรอบเวลา จากนั้น สนช.จะมีเวลาประมาณ 45 วัน ในการตรวจสอบประวัติและลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งหากผู้ที่ได้รับเลือกเป็น กกต.แล้ว 5 คนขึ้นไป สามารถส่งชื่อให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ทันที ทั้งนี้ หากเหลือจำนวนอีกเท่าไรก็ให้สรรหาเพิ่มมาในภายหลัง. – สำนักข่าวไทย