รมว.แรงงาน มอบ 11 นโยบายเร่งด่วน เร่งทำทันที

ก.แรงงาน 2 ธ.ค.-รมว.เเรงงานออกนโยบายเร่งด่วน เเก้ปัญหาเเรงงาน 11 ด้านโดยเฉพาะเร่งรัดจัดระเบียบต่างด้าวผิดกฎหมายให้ทัน 31 มี.ค.ปีหน้าเเละลดการค้ามนุษย์ ย้ำทุกหน่วยงานต้องทำงานเชื่อมโยงกัน ส่วนกรณีเรียกร้องขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ ขอศึกษาปัญหาก่อน


พล.ต.อ.อดุลย์ เเสงสิงเเก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ 2561 ให้เเก่ผู้บริหารระดับสูงเเละข้าราชการกระทรวงเเรงงาน โดยกล่าวว่า รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ไว้ 6 ด้าน ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเเรงงานโดยตรงคือ 3 ด้านได้เเก่ ความมั่นคง การมีความสามารถในการเเข่งขันกับนานาชาติ เเละพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างโอกาสความเสมอภาคเเละความเท่าเทียม ซึ่งส่วนตัวมองว่ากระทรวงเเรงงานมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเเละสังคม จึงต้องมีทิศทางการพัฒนาเเรงงานให้ได้มาตรฐาน ออกเป็นนโยบายที่เร่งด่วน 11 ด้าน ได้เเก่ 


1.เร่งรัดจัดระเบียบเเรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ให้ถูกกฎหมายภายในวันที่31 มีนาคม 2561 วางเป้าหมาย 1,137,000 คน ซึ่งเบื้องต้นได้เเนะนำให้มีการตั้งศูนย์บูรณาการติดตามประเมินผลเพื่อให้มีการลงทะเบียนเเละการพิสูจน์สัญชาติ การเปลี่ยนนายจ้างหรือทุกขั้นตอนในการจัดระเบียบเเรงงานเป็นไปอย่างรวดเร็วเเละสะดวก ซึ่งคิดว่าจะเสร็จทันภายใน 31 มี.ค.เเน่นอน 

2.ผลักดันเเละเร่งรัดเเก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายด้านเเรงงานตาม IUU Fishing ป้องกันไม่ให้มีการใช้เเรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย


3.เเก้ปัญหาการหลอกลวงเเรงงานไทยไปต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย

4.ส่งเสริมให้นายจ้างเเละสถานประกอบการรับคนพิการเข้าทำงานในรูปแบบประชารัฐ 

5.เร่งรัดกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายชั่วโมงเพื่อส่งเสริมให้มีการจ้างงานผู้สูงอายุมากขึ้น 

6.ขับเคลื่อนนโยบาย safety thailand ภายในสถานประกอบการ 

7.ผลักดันเเรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง 

8.ยกระดับคุณภาพฝีมือเเรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายในยุคไทยเเลนด์ 4.0 

9.เพิ่มขีดความสามารถเเรงงานไทยที่ไปทำงานที่ต่างประเทศให้มีสมรรถนะสูง เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง

10.ผลักดันการสร้างหลักประกันสังคมที่เป็นธรรม เท่าเทียมเเละทั่วถึง  

11.ยกระดับสายด่วน 1506 ให้สามารถเป็นเครือข่ายหลักเเละเชื่อมโยงระบบโทรศัพท์ทั่วประเทศ 

ส่วนนโยบายระดับพื้นที่(Area Based) เพื่อจัดระบบการทำงานที่เชื่อมโยงเเละบูรณาการร่วมกัน เเบ่งเป็น 4 ด้าน 

1.ให้เเรงงานจังหวัดเป็นตัวเเทนในการขับเคลื่อนนโยบายในระดับพื้นที่ 

2.ให้เเรงงานจังหวัดเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการการทำงานหน่วยงานมนสังกัดเเละภาคีเครือข่าย 

3.ให้จัดทำเเผนปฏิบัติการรายจังหวัด 

4.ให้สำนักงานเเรงงานจังหวัดเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านเเรงงาน 

ขณะเดียวกันต้องมีนโยบายบริหารการพัฒนา โดยเน้นความมีเอกภาพ โดยเเบ่งเป็น 6 ด้าน ได้เเก่ 

1.ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงเเรงงาน(ศปก.รง.)ระดับกรมเเละพื้นที่ 2.พัฒนาบุคลากรให้มีขีดความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ 

3.เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ข้อมูลเเรงงานเเห่งชาติ 

4.เร่งรัดการออกกฎหมายสำคัญเเก้ไขปัญหาเเรงงาน 11 ฉบับ 

5.ยกระดับกระทรวงเเรงงานให้เป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานระดับสากล เเละ 6.จัดสวัสดิการสำหรับบุคลากร

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า หลังการประชุมวันนี้ ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มลงมือทำทันทีตามนโยบายเร่งด่วน 11 ด้านเเละจะมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง หากผิดพลาดต้องรับผิดชอบ โดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เเต่ย้ำว่าต้องให้สำเร็จต่อเนื่อง ส่วนปัญหานายหน้าเเรงงานเรียกรับส่วยซึ่งมีจำนวนมากในหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่ภูเก็ต จะมีการตั้งทีมงานลงไปเก็บข้อมูลเเละจัดการปัญหา ขณะที่มีการเรียกร้องให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้เท่ากันทั่วประเทศนั้น ต้องขอดูข้อมูลให้หลายด้านทั้งนโยบาย ข้อเท็จจริงเเละปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนถึงจะตอบได้

ด้านนายจรินทร์  จักกะพาก  ปลัดกระทรวงเเรงงาน  กล่าวว่า  ปัจจุบันมีประชากรไทยที่อยู่ในวัยทำงาน  56 ล้านคน โดย 38 ล้านคนเป็นเเรงงาน เเบ่งเป็นมีงานทำ 37 ล้านคนเเละว่างงาน 4.5 เเสนคน โดยใน 37 ล้านคนอยู่ในระบบประกันสังคม 10.7ล้านคนเเละเป็นเเรงงานนอกระบบ 20 ล้านคน มีเเรงงานต่างด้าว 3 ล้านคนเเละเเรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ 4เเสนคน ซึ่งเเนวทางในการทำงานของกระทรวงเเรงงานเพื่อดูเเลเเรงงานทั้งหมดเเบ่งเป็น 6 เเนวทาง ได้เเก่ การบริหารจัดการเเรงงานไทย ให้มีงานทำมีประสิทธิภาพซึ่งเตรียมโครงการไว้ดูเเล 15 โครงการ ,การบริหารจัดการเเรงงานต่างด้าว ให้มีฐานระบบข้อมูลติดตามตัว ใน7 โครงการ, สร้างระบบประกันสังคมที่เป็นกลางเเละเท่าเทียม 19 โครงการ , สร้างมาตรฐานการจ้างงานให้เป็นที่ยอมรับ 3โครงการ , พัฒนาทักษะรองรับไทยเเลนด์ 4.0 เเละบริหารระบบราชการให้สอดคล้องการเปลี่ยนเเปลง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง