กรุงเทพฯ 30 พ.ย.- “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ในวัย 68 ปี ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ทำพิธีที่บ้านท่าอิฐ พรุ่งนี้ “ชวน-อภิสิทธิ์” เสียดาย “สุรินทร์” ชี้ เป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ว่า นายสุรินทร์เสียชีวิตแล้ว หลังจากเป็นลม และญาตินำส่งโรงพยาบาล รู้สึกเสียดาย ที่ต้องสูญเสียคนเก่ง คนดี บุคคลที่อยู่ในวัยที่ยังทำงานได้ ด้วยประสบการณ์ที่พร้อม รอบรู้ โดยเฉพาะด้านต่างประเทศเป็นอย่างดี
“ถือว่าประเทศและพรรคสูญเสียบุคลากรที่สำคัญไป เนื่องจากที่ผ่านมานายสุรินทร์ได้ทำงานให้พรรค และทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ถือเป็นการจากไปอย่างกระทันหัน รู้สึกใจหาย เพราะไม่เคยทราบว่ามีโรคประจำตัวอะไร เคยมาเล่าให้ฟังว่า ไปพบแพทย์ตามปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของคนวัย 60 ปีเศษที่จะต้องไปพบแพทย์” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวว่า นายสุรินทร์ถือเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ที่ตั้งใจเรียนหนังสือ จนมีโอกาสได้ทุนไปเรียนที่ต่างประเทศ และในที่สุดได้เสียสละมาทำงานให้ประเทศชาติ โดยลงสมัคร ส.ส.ตามคำชักชวนของพวกตน จึงถือว่านายสุรินทร์ ผ่านชีวิตชาวบ้านแท้ ๆ มาคนหนึ่ง เมื่อมาทำงานในฐานะรัฐมนตรี ก็เข้าใจปัญหาชาวบ้านเป็นอย่างดี
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งไลน์แจ้งกับสมาชิกพรรค ระบุว่า ได้รับทราบข่าวการจากไปของนายสุรินทร์ ด้วยความตกใจและเสียใจอย่างยิ่ง นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า ไม่ใช่เฉพาะสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นความสูญเสียของประเทศและสังคมโลก เพราะถือเป็นบุคคลที่พร้อมด้วยความรู้ความสามารถ และมีความมั่นคงในอุดมการณ์ที่นับวันหาได้ยากในแวดวงการเมือง
ขณะที่ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่า นายสุรินทร์ วัย 68 ปี เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา15.00 น. วันนี้ (30 พ.ย.) เบื้องต้นจะทำพิธี ที่บ้านท่าอิฐ นนทบุรี ในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) และว่า รู้สึกเสียดาย เพราะไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากนายสุรินทร์ยังดูแข็งแรง และเพิ่งลงไปเป็นประธานงานแต่งงานญาติ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสุรินทร์เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และยังเคยเป็นเลขาธิการอาเซียนด้วย .- สำนักข่าวไทย