กรุงเทพฯ 29 พ.ย. – ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดกำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวชัดเจนครึ่งหลังปี 2561 ส่งผลดีตลาดอสังหาฯ กลับมาโตร้อยละ 6- 8
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6-8 ดีขึ้นจากปีนี้ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 2-3 โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้นมาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 หลังจากรัฐบาลอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง คาดว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจะขยายตัวถึงร้อยละ 8 ในไตรมาส 1/2561 จากที่เคยหดตัวร้อยละ 30-40 ในไตรมาสแรกปีนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ทำให้มีการเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ปลายปี 2559
ส่วนแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2561 มีจำนวนหน่วยประมาณ 154,200 หน่วย โดยแนวราบมีประมาณ 74,300 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 48.2 อาคารชุดรองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ร้อยละ 29.1 บ้านเดี่ยว ร้อยละ 13.6 ที่เหลือเป็นบ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ คาดว่าภาพรวมจะใช้เวลาประมาณ 15 เดือนเพื่อขายหมด
สำหรับปัจจัยที่ยังต้องจับตามอง คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต้องใช้เวลาจึงจะมีผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าผู้บริโภคมีความมั่นใจจึงจะกล้าซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นหนี้ที่ผูกพันระยะยาวถึง 20-30ปี รวมทั้งต้องติดตามการผลักดันการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจลงทุนตาม ส่วนภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับขึ้น คาดว่ายังเป็นแรงกดดันที่ต่ำ เนื่องจากดอกเบี้ยคงจะขยับขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.25 ซึ่งมีผลต่อตลาดไม่มากนัก แม้ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นแต่ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยให้กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้นด้วย
นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อที่อยู่อาศัยปี 2561 ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3-4 หรือประมาณ 600,000 ล้านบาท ซึ่ง ธอส.คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อที่อยู่อาศัยปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ 178,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีหน้าอยู่ที่ 180,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มธุรกิจร้อยละ 60 และกลุ่มบุคคลทั่วไปร้อยละ 40 รวมทั้งจะมีการปรับเกณฑ์พิจารณาการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับรัฐบาลกว่า 11 ล้านคน เพื่อสร้างโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้มากยิ่งขึ้น .- สำนักข่าวไทย