ผชช.ด้านนิติเวช รพ.จุฬาฯตอบรับร่วมชันสูตร ‘เมย’

สำนักข่าวไทย 24 พ.ย.- ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช รพ.จุฬาฯตอบรับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมเป็นคณะกรรมการชันสูตร  ‘เมย’ รอบสอง 


ผศ.นพ.อุดมศักดิ์  หุ่นวิจิตร  หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้ร่วมเป็น 1 ในผู้ทรงคุณวุฒิในการชันสูตรนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์  หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร ที่เสียชีวิต ซึ่งกระบวนการทำงานจากนี้จะเน้นเรื่องการไขข้อสงสัยของสังคมเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมยเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและสังคมมีความหวาดระแวง โดยจะต้องทำงานแบบองค์คณะ เพื่อความโปร่งใส่ พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งด้าน พยาธิวิทยาในอนุสาขาต่างๆให้คำปรึกษา วินิจฉัยข้อมูลการชันสูตรในครั้งนี้ด้วย โดยทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ได้วางกรอบการทำงานในการชันสูตรซ้ำ ในรอบ 2 


ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาของกระบวนการชันสูตรศพ ในไทยนั้น ต้องยอมรับว่าแต่ละที่มีมาตรฐานแตกต่างกันแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันได้ มีเพียงสิงคโปร์ ที่ทั้งประเทศ การชันสูตรได้มาตรฐานเดียวกันหมด เนื่องจากทำในสถานที่เดียว อีกทั้งประชากรไม่มาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีความเชื่อ สิ่งที่ได้จากหลักฐาน เอาความถูกต้องเป็นหลัก มากกว่าความถูกใจ  และที่สำคัญคือ การสื่อสารทำความเข้าใจกับญาติ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปัญหาจากการเสียชีวิตที่เป็นข้อกังวลสงสัย ได้รับคำตอบที่แท้จริง 


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายสมณ์ พรหมรส ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์หลังการนำอวัยวะจาก รพ.พระมงกุฎเกล้ามาส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งอยู่ภายใน รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ วานนี้ (23 พ.ย.) ว่าขั้นตอนแรกได้ตรวจแล้วว่าอวัยวะที่ส่งมามีอะไรบ้างพบว่ามีหัวใจ สมอง ตับ ม้าม กระเพาะ ปอดและอีกหลายอย่างให้แพทย์ตรวจสภาพอวัยวะว่าสมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ ,ขั้นตอนที่ 2 ตรวจชิ้นเนื้อบางส่วนของอวัยวะว่าดีเอ็นเอตรงกับน้องเมยหรือไม่ และขั้นตอนที่ 3 จัด ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย ซึ่งเบื้องต้นมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจอวัยวะ 3 คนและเพื่อความมั่นใจและถูกต้อง มีการเพิ่มทีมแพทย์ที่มีผู้เชี่ยวชาญภายนอก ด้านพยาธิสมอง พยาธิหัวใจและทางด้านนิติเวช มาช่วยด้วยรวม 3 สถาบัน ได้แก่รพ.รามาธิบดี, รพ.ศิริราช และรพ.จุฬาลงกรณ์  รวมแล้วมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมด 6 คน ร่วมกันตรวจชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต 

หลังจากนี้จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากนั้นจะเริ่มดำเนินการทันทีตามมาตรฐานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะชันสูตรและหาสาเหตุการเสียชีวิต ใช้เวลาภายใน 7 วัน ซึ่งญาติบอกว่าไม่รีบร้อน แต่ต้องการทราบสาเหตุที่ชัดเจนและถูกต้องที่สุด คาดว่าภายในระยะเวลา 7 วันจะรายงานผลให้กับร้อยเวรและญาติ  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย