กรุงเทพฯ 22 พ.ย.-แนวทางการแก้ปัญหาล้มบอลและการล็อกผลการแข่งขัน หลังมีการเปิดโปงจับกุมขบวนการล้มบอล
ถือเป็นประวัติศาสตร์ในวงการกีฬาอีกคดีหนึ่งกับการที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จับมือร่วมกันการเปิดโปงและจับกุมขบวนการล้มบอล 12 คน อย่างไรก็ตามนายกสมาคมยอมรับว่า ยังมีอีกหลายแมตช์ที่ยังน่าสงสัยตามการรายงานของบริษัทสปอร์ตเรดาร์และนี่เป็นเพียงแค่ยกแรกเท่านั้นในการเปิดโปงขบวนการนี้
รูปแบบการทำงานของบริษัทสปอร์ตเรดาร์ที่เข้ามาตรวจจับการล้มบอลในประเทศไทยนั้น นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอล เผยว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่าได้ซื้อระบบของบริษัทสปอร์ต เรดาร์ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทำหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะการตรวจจับความผิดปกติมี 2 แบบ คือ 1.ใช้ระบบข้อมูลดูการแทงพนันของนักพนันว่ามีการเทไปเล่นฝ่ายใดหรือคู่ใดเป็นพิเศษอย่างน่าสงสัยหรือไม่ จึงไปตรวจสอบเกมคู่นั้นๆ และ 2. การใช้เครือข่าย เชิงสอบสวนที่มีอยู่ทั่วโลก ดูพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัย สาเหตุที่สปอร์ตเรดาร์เข้ามาตรวจสอบการแข่งขันไทยลีก ถือเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องตรวจสอบทั่วโลกอยู่แล้ว และเป็นระบบป้องกันที่ดี เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพที่ใช้ในการลงโทษผู้กระทำผิด แต่นอกจากนั้นคิดว่า การอบรมให้ความรู้ และข้อคิดเกี่ยวกับการล้มบอลให้กับสโมสร และนักเตะก็เป็นสิ่งที่น่าจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ในอีกทางหนึ่ง
ซึ่งตรงกับที่ “เปาแป๊ก” ปรัชญา เพิ่มพานิช กรรมการบริหารของคณะกรรมการผู้ตัดสินสมาคมฟุตบอลฯ ให้ความคิดเห็นไว้ว่า นอกเหนือจากการใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ แบบเด็ดขาดแล้ว ควรต้องอบรมปลูกฝังจริยธรรมให้ผู้ตัดสิน นักเตะให้พัฒนาตัวเอง ไปสู่ระดับทวีป และแนวหน้าของโลก เพื่อให้ทุกคนไม่รับผลประโยชน์แบบนี้ อดีตไลน์แมนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2006 ให้ความเห็นอีกด้วยว่า การจัดตัวผู้ตัดสินในแต่ละเกมต้องมีการสลับหมุนเวียน การตรวจสอบ การรายงานผลหลังเกม จะต้องเข้มข้นด้วยเช่นกัน โดยในระดับฟุตบอลโลก ฟีฟ่าจะฟังโทรศัพท์ และมีคนคอยสืบข่าวอยู่ตามติดผู้ตัดสินตลอด ซึ่งสมาคมฟุตบอลสามารถยึดแนวทางนี้มาใช้ได้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย