ฟังชัดๆ นายกฯแก้ปัญหายางฯอย่างยั่งยืน


กรุงเทพฯ 18
พ.ย.- นายกฯวอนอย่านำเรื่องราคายางฯเป็นเรื่องการเมือง แจงต้องเข้าใจภาพรวมเหตุผล
รัฐเน้นแก้ปัญหายั่งยืน ทั้งส่งเสริมทำอาชีพเสริม
เกษตรผสมผสาน หนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เดินหน้าธุรกิจแปรรูปยาง ส่งเสริมแปรรูปมากขึ้น คุมลดพื้นที่ปลูกยางให้เหมาะสม 


 

 ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
ส่งเอกสารข่าว แจ้งว่า
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ถึงปัญหา
ราคายางพาราตกต่ำ จำเป็นต้องเข้าใจในภาพรวม
เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในแนวทางที่จะร่วมมือกันได้

เรื่องที่ 1. ประเด็นราคายางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ มีความเกี่ยวโยงกันมากมายกับสถานการณ์หลายอย่าง
ที่สำคัญราคาน้ำมันในตลาดโลก จะสะท้อนต้นทุนการผลิตยางสังเคราะห์
ที่สามารถใช้ทดแทนยางธรรมชาติได้ เช่น ช่วงปี
 2540 ถึง 2548 น้ำมันราคาแพง
ทำให้ราคายางสังเคราะห์แพงตาม ส่งผลให้หลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
หันไปส่งเสริมให้ปลูกยางพาราในประเทศมากขึ้น เพื่อลดการนำเข้ายางสังเคราะห์
แต่เมื่อราคาน้ำมันลด ราคายางสังเคราะห์ลดตาม
แต่ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติกลับเพิ่มปริมาณ และเกินความต้องการของตลาด
เพราะกลับไปใช้ยางสังเคราะห์ที่ราคาต่ำกว่า จึงส่งผลต่อราคายางธรรมชาติ
ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ


เรื่องที่ 2. ประเด็นปริมาณการผลิตยางพารา สืบเนื่องจากข้อแรก ช่วงปี 2554 ถึง 2558 ทิศทางของโลกลดการผลิตลง แต่ไทยผลิตเพิ่มขึ้น
เป็นผลมาจากการส่งเสริมให้ปลูกยางพาราในอดีต
ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเดิมที่ทำให้ผลผลิตในช่วงปัจจุบันนี้มีจำนวนมากพอสมควร
ทำให้เกิดความไม่สมดุลกัน ที่สำคัญเกษตรกรชาวสวนยางไทย จะปลูกยางเป็น
พืชเชิงเดี่ยวเป็นส่วนมาก ทำให้เมื่อราคายางผันผวน
จึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนอย่างรุนแรง
เหมือนเช่นในปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่

ในส่วนของประเทศอื่นนั้น เกษตรกรจะปลูกพืชทางเลือกเสริมควบคู่กับการปลูกยาง เช่น มาเลเซียในระยะ 20 ถึง 30 ปีที่ผ่านมา ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นมากขึ้น
เช่น ปาล์มน้ำมัน
  ส่วนอินโดนีเซีย
เป็นการทำเกษตรแบบยังชีพ ควบคู่ไปกับการทำประมง
หรือทำอาชีพอื่นเสริมร่วมกับผลผลิตจากยางพารา
เมื่อราคายางลดลงผู้ปลูกยางในประเทศเหล่านี้
ก็จะชะลอการกรีดยางแล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นเพื่อเป็นการหารายได้เข้ามาแทนไม่ใช่การกรีดยางเป็นอาชีพหลักเช่นเกษตรกรในประเทศไทย

เรื่องที่ 3. ประเด็นการใช้ยางพาราในประเทศน้อยลง เมื่อเทียบผลผลิตยางพาราของประเทศไทย เฉลี่ย 4.47 ล้านตัน มีการใช้ยางพาราในประเทศเพียง 0.60 ล้านตัน ที่เหลือเป็นการส่งออก ซึ่งทำให้ราคายางพาราต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
ซึ่งแปรผันตามปริมาณความต้องการของประเทศผู้ใช้ยาง และผูกโยงกับราคาน้ำมัน
เพิ่มความซับซ้อน จนไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าประเทศไทย อินโดนีเซีย
และมาเลเซีย ถือเป็นประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก มีพื้นที่กรีดยางพารารวมกัน
 50.23 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 62.09 ของเนื้อที่กรีดยางพาราทั้งโลก
มีผลผลิตรวม
 8.56 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 63.27ของผลผลิตโลกก็ตาม  แต่อินโดนีเซีย
ที่แม้จะมีการใช้ยางพาราในประเทศน้อยมากอย่างที่กล่าวไป
การปลูกยางไม่ใช่รายได้หลัก
  ส่วนมาเลเซีย
ได้สร้างสมดุลการใช้ยางพาราในประเทศ ให้ใกล้เคียงกับผลผลิตรวม
ทั้งสนับสนุนการปลูกปาล์มน้ำมัน และการปลูกพืชเชิงซ้อนอื่นๆ อีกด้วย
เรื่องนี้เราต้องให้ความสำคัญ ต้องช่วยกันทำต่อไป

เรื่องที่ 4. ประเด็นความไม่เหมาะสมของพื้นที่ปลูกยางพารา ในปี 2559 ประเทศไทยมีพื้นที่กรีดยางราว 20 ล้านไร่ โดยเฉลี่ยอัตราผลผลิต ประมาณ 225 ถึง 245 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พื้นที่กรีดยาง ภาคเหนือให้ผลผลิตเฉลี่ยต่ำสุด คือ 143 กิโลกรัมต่อไร่ และภาคอีสานให้ผลผลิตเพียง 185 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากอากาศ ปริมาณน้ำ และสภาพดิน
ไม่เหมาะกับการปลูกยางพารา ที่ต้องการอากาศร้อนชื้น และฝนตกชุก เหมือนภาคใต้
ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งปัญหาค่าขนส่งผลิตภัณฑ์ยางมาสู่ตลาดกลาง
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้
ก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของเกษตรกรชาวสวนยางที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

แนวทางการแก้ไขปัญหาของยางพาราเพื่อความยั่งยืน

                ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางประกอบอาชีพเสริม ตามแบบเกษตรทฤษฎีใหม่
เกษตรผสมผสาน การปลูกพืชแซม เช่น ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร
ที่เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่นของตนเอง การทำ ปศุสัตว์ และประมง
ควบคู่ไปกับการทำสวนยาง เพื่อให้มีรายได้ที่หลากหลาย เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและกระจายความเสี่ยง
ลดการพึ่งพารายได้จากการทำสวนยางแต่เพียงอย่างเดียว เช่น
รัฐบาลนี้มีการสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย สำหรับประกอบอาชีพเสริม
เป็นต้น ที่ผ่านมามีชาวสวนยางประกอบอาชีพเสริมประมาณ
 380,000 ราย และในปี 2560 มีชาวสวนยางหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานมากขึ้นกว่า 3,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนเกษตรกรทั้งหมดที่โค่นยางในปีนี้

               แต่ทั้งนี้ควรส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสานให้มากขึ้น
แล้วรัฐบาลก็จะส่งเสริมเรื่องการตลาดควบคู่ไปด้วยเช่นกัน สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ
 รัฐจะชดเชยอัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ
 3 ต่อปี ให้แก่สถาบันเกษตรกร
และผู้ประกอบการ ในการดำเนินธุรกิจแปรรูปยาง ทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียน
การปรับปรุงอาคาร การจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์สมัยใหม่
เพื่อจะพัฒนาศักยภาพในการส่งออกและแปรรูปยางในอนาคต ส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศให้มากขึ้น
 รวมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นด้วย
เช่น การสร้างถนน ลานกีฬา ถุงมือยาง และอื่นๆ เป็นต้น

 

                     
นอกจากนี้ต้องควบคุมและลดพื้นที่การปลูกยางพาราให้เหมาะสม
 โดยมีเป้าหมายลดพื้นที่ปลูกยางลงปีละ 4 แสนไร่ และปลูกพืชอื่นทดแทน
เพื่อจำกัดปริมาณผลผลิตให้มีความสมดุลกับความต้องการใช้ ปัจจุบันลดพื้นที่ปลูกได้
 1.19 ล้านไร่ ลดผลผลิตได้ 0.27 ล้านตัน
ซึ่งพบว่ายังน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรทำสวนยางเป็นอาชีพหลัก
ควรส่งเสริมอาชีพอื่นให้ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้ปริมาณผลผลิตยางในตลาดโลก
ใกล้เคียงกับความต้องการ ทำให้ราคาไม่ตกต่ำมากนัก ทั้งนี้
จะเน้นการลดพื้นที่ปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น พื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีปัญหาทั้งปริมาณน้ำ
ระบบชลประทาน และการขนส่ง ที่ล้วนแต่มีต้นทุนสูง
รวมไปถึงพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่มีกว่า
 2 ล้านไร่ในปัจจุบัน
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทางรัฐบาลกำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่เช่นกัน

            จัดตั้ง
การยางแห่งประเทศไทย ขึ้นเมื่อวันที่
 15 กรกฎาคม 2558 ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.. 2558 ได้มีการยุบรวม 3 หน่วยงาน ก็คือ
สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
และองค์การสวนยาง เข้าด้วยกัน
มีภารกิจในการจัดทำยุทธศาสตร์สำหรับการบริหารจัดการยางของประเทศแบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพ
ขณะนี้เราก็เพิ่งเริ่มปฏิบัติงานมา อาจจะมีหลายอย่าง ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง
เพราะว่าวันนี้ เราต้องเอาภาคเอกชนมาร่วมด้วย แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส
ซึ่งเรื่องที่ร้องเรียนกันนั้น รัฐบาลได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ของ กยท
ตามที่มีการร้องเรียนแล้ว

              ความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตยางพาราที่สำคัญของโลก ได้แก่
อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ผ่านสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ
มีมาตรการควบคุมอุปทานยาง
ให้อนาคตมีปริมาณการผลิตยางพาราของแต่ละประเทศในปริมาณที่เหมาะสม
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าปัญหาเกิดจากประเทศไทย และเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก
จึงมีมาตรการในการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพาราของประเทศสมาชิก
ซึ่งต้องหารือร่วมกัน บางครั้งอาจไม่เห็นชอบในทางเดียวกัน
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ

           “ อยากให้ทุกฝ่ายในห่วงโซ่ยางพาราไทย
ได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ขอให้ทุกคนได้อดทน เปลี่ยนแปลง ไว้ใจซึ่งกันและกัน
มีหลักการและเหตุผล
 
ไม่ว่าจะประท้วง หรือยื่นหนังสือต่างๆ
ก็ตามขอให้ทำอย่างสงบ ไม่จำเป็นต้องมายื่นที่กรุงเทพฯ
สามารถยื่นที่พื้นที่ของท่านเองได้ เพราะจะส่งต่อมาให้รัฐบาลรับทราบอย่างแน่นอน
ไม่อยากให้เสียเวลา และสิ้นเปลือง ที่สำคัญ
ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจสำคัญที่สุด
ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าทุกคนทำสวนยางอย่างเดียว เมื่อยางราคาไม่ดี
คุณภาพชีวิตก็ไม่ดีตาม เพราะมีรายได้จากยางเพียงอย่างเดียว ต้องคิดใหม่
จะได้แก้ปัญหาได้ร่วมกัน ตามนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน
รัฐบาลก็ไม่มีข้อขัดแย้ง มีรายได้มากขึ้น ประชาชน เกษตรกรชาวสวนยาง
หรือเกษตรกรอื่นๆ ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน
พลเอกประยุทธ์
กล่าว-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]