กรุงเทพฯ 18 พ.ย.-“สมชัย” ย้ำพรรคต้องยึดคำตอบนายทะเบียนเป็นหลัก แนวทางปฏิบัติตาม ม.141 ยันเลือกตั้งท้องถิ่นอาจช้ากว่าเลือกตั้งระดับชาติ หากต้องแก้กฎหมาย กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจจัดเลือกตั้งแน่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการที่ กกต.ตอบข้อหารือของพรรคการเมือง โดยยืนยันว่าการปฏิบัติตามมาตรา 141 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขณะนี้ยังทำไม่ได้ เนื่องจากเข้าข่ายดำเนินกิจการทางการเมือง ว่า กกต. ตอบคำถามในประเด็นนี้ว่าทุกข้อตามมาตรา 141 ดังนั้นต้องยึดถือคำตอบที่เป็นทางการจากนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นหลัก เมื่อนายทะเบียนฯ ให้คำตอบแบบนี้ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถทำได้ และตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย กกต.ก็ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย คือ เมื่อครบเวลา 90 วันแล้ว พรรคการเมืองใดไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกหรือยื่นเรื่องขอขยายเวลา กกต.ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้พรรคนั้นสิ้นสภาพไป อย่างไรก็ตาม หากจะมีการแก้ไขกฎหมายก็ต้องดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 5 มกราคม 2561 ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก เพราะหากให้ กกต.เป็นฝ่ายเสนอแก้ไขกฎหมาย เราเองก็คิดว่าไม่มีความเข้าใจในรายละเอียดที่เชื่อมโยงมาตราต่าง ๆ ได้ดีเท่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เกรงว่าหากเสนอไปแล้วอาจทำให้กฎหมายที่แก้ไขไปนั้นขาดความรอบคอบได้
“หากจะมีการแก้ไขกฎหมายก็อยากให้ กรธ.เป็นฝ่ายเสนอรัฐบาล แต่ถ้าไม่แก้ไข กกต.ก็ต้องทำตามกฎหมาย ถึงเวลาพรรคการเมืองใดไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรคหรือยื่นขอขยายเวลาเราก็ต้องสั่งให้พรรคนั้นสิ้นสภาพไป” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรา 141 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จะเป็นเรื่องของการแจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิก การจัดหาสมาชิก การจัดหาทุนประเด็ม การเก็บค่าสมาชิก ที่พรรคการเมืองจะต้องดำเนินการหลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะมีกรอบเวลากำหนดในแต่ละเรื่อง
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมาย จำนวน 6 ฉบับ ก่อนมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ ตนคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นอาจจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งการคาดการณ์ของตนอาจจะไม่จริงก็ได้ เพราะเป็นการคาดการณ์โดยดูจากลำดับของการพิจารณากฎหมายของ สนช. ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช.ในปลายเดือนนี้แล้ว ตามขั้นตอน สนช.ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ว่ากฎหมายท้องถิ่น นายวิษณุ ระบุเองว่าปีนี้อาจไม่เสร็จแน่นอน เท่ากับว่าอาจต้องเสนอประมาณต้นปีหน้า เมื่อเสนอเข้าต้นปีหน้า คิวของการที่จะแก้ไขกฎหมายให้เสร็จ ก็ต้องเกิดขึ้นหลังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมาย ส.ว.แน่นอน
“ถ้ากฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ประกาศราชกิจจานุเบกษาก็จะเริ่มนับหนึ่งการเลือกตั้งทันที ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าด้วยเหตุของข้อจำกัดในการแก้ไขกฎหมาย การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส.ส. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ สนช.ว่าจะพิจารณาได้เร็วหรือไม่ ถ้าพิจารณาได้เร็ว ก็อาจดำเนินการได้ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ก็ได้” นายสมชัย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ในประเด็นอำนาจการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น นายสมชัย กล่าวว่า การพูดด้วยวาจาขณะนี้ทุกฝ่ายพูดเหมือนกันหมดว่า กกต.มีอำนาจทำอะไรก็ได้ จัดการก็ได้ ดำเนินการให้มีก็ได้ แต่ปัญหาคือกฎหมายลูกไม่ได้เขียนแบบนี้ แม้ทุกฝ่ายจะพูดตรงกัน แต่หากว่าถึงเวลาแล้ว กกต.ไปจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นเองในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อาจจะมีมือดีไปร้องศาลได้ว่า กกต.ทำผิดกฎหมายลูก ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติในอนาคต กกต.จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้มีการชี้ให้เกิดความชัดเจนว่า กกต.ทั้งสามารถจัดการและดำเนินการให้มี และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากขอให้เขียนกฎหมายให้ชัดว่าเราสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง ทั้งนี้คาดว่า กกต.จะสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญภายในเดือนพฤศจิกายนนี้.-สำนักข่าวไทย