ภาคกลาง 31 ต.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง แม้ขณะนี้น้ำจะค่อยๆ ลดระดับลงแล้ว แต่หลายพื้นที่ยังไม่พ้นวิกฤติ เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังยังระบายออกไม่ได้
น้ำที่ท่วมด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ในพื้นที่อำเภอมโนรมย์ อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอเมืองชัยนาท ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ลดลงไปกว่า 30 เซนติเมตร แต่ยังไม่พ้นตลิ่ง และยังสูงกว่าแนวกระสอบทราย 20-30 เซนติเมตร ทำให้บ้านเรือน 900 หลังที่อยู่เหนือเขื่อน ต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อไป เช่นเดียวกับถนนสายวัดเกาะ-ธรรมามูล ยังไม่สามารถเปิดให้รถใหญ่สัญจรผ่านได้ เนื่องจากต้องเฝ้าระวังแนวกระสอบทราย ส่วนการน้ำระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ขณะนี้ยังอยู่ที่ 2,647 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอสรรพยา ยังทรงตัว ไม่ขยายวงกว้าง
ส่วนความคืบหน้าเหตุน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ดินหลังโรงเรียนบ้านเขาแก่งเรียง หมู่ที่ 2 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ทรุดตัวลึกกว่า 20 เมตร สร้างความเสียหาให้อาคารเรียนและบ้านพักครู ล่าสุดสำนักงานประถมศึกษาได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมจัดสรรงบประมาณให้เร่งสร้างห้องเรียนชั่วคราวให้นักเรียนได้ใช้ทันวันเปิดภาคเรียน ขณะที่ ผอ.โรงเรียนบ้านเขาแก่งเรียง เตรียมประสานขอกำลังทหารเข้าช่วยเหลือก่อสร้างอาคารเป็นการเร่งด่วน
ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือน 19 จังหวัดในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมถึงพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจะมีฝนตกชุกในพื้นที่ช่วง 1-2 พฤศจิกายนนี้.-สำนักข่าวไทย