กรุงเทพฯ 31 ต.ค. – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยลอยกระทงปีนี้เริ่มกลับมาคึกคัก มีเงินสะพัดกว่า 9,900 ล้านบาท แสดงให้เห็นเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ปีนี้โตแน่ร้อยละ 3.9 ปีหน้าเกินร้อยละ 4 ขณะน้ำท่วมไม่กระทบเศรษฐกิจโดยรวม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทง ว่า ลอยกระทงปีนี้จะมีเงินสะพัดกว่า 9,928 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจที่เริ่มดี ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และกว่าร้อยละ 40.9 ซื้อสินค้าปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มรู้สึกถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยช่วงวันลอยกระทงปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1,556.50 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะใช้เงินสำหรับการทำบุญและกลับบ้านต่างจังหวัด รวมถึงใช้ในการสังสรรค์ ซึ่งปีนี้กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 92.9 วางแผนที่จะไปลอยกระทง เนื่องจากมองว่าเป็นประเพณีและต้องการขอพรประกอบกับเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้มีรายได้มากขึ้น ขณะที่อีกร้อยละ 6.6 ไม่ลอยกระทง เพราะยังอยู่ในช่วงโศกเศร้าและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับบรรยากาศการลอยกระทงปีนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 39 ตอบว่าสนุกสนานเหมือนเดิม และอีกร้อยละ 20.1 ตอบว่าสนุกสนานมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล แต่อีกร้อยละ 20.7 ตอบว่าสนุกสนานน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากจิตใจไม่พร้อมที่จะอยู่ในอารมณ์รื่นเริง แสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มพร้อมจะสังสรรค์ และบรรยากาศจะเริ่มคึกคักบ้าง แต่อาจจะยังไม่รื่นเริงมากเต็มที่ เพราะคนไทยเพิ่งผ่านพ้นช่วงโศกเศร้าและเพิ่งออกทุกข์ ทำให้มูลค่าการใช้จ่ายในช่วงวันลอยกระทงปีนี้แม้จะกลับมาสูงขึ้น แต่ถือว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะปกติเช่นเดียวกับเมื่อปี 2557 ที่มีเงินสะพัดค่อนข้างสูงเกินกว่า 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากนี้คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.9 และปีหน้าคาดว่าจะเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า ร้อยละ 4 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ขณะที่ตัวเลขการส่งออกปีนี้น่าจะเกินกว่าร้อยละ 8 และปีหน้ายังขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนผลกระทบจากน้ำท่วมบางพื้นที่ ซึ่งมีความเสียหายโดยรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ดังนั้น เห็นว่าเป็นการท่วมบางจุดไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่แนวทางร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน หรือ บัญชีเงินฝากที่ไม่มีการฝาก ถอน หรือโอนเงินในบัญชีเงินฝาก เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป นั้น นายธนวรรธน์ มองว่ารัฐควรให้รายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งประเภทบัญชีและวงเงินที่จะเข้าเงื่อนไข เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบกับประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งเสนอให้มีการทำประชาพิจารณ์ผ่านเวทีรับฟังความคิดเห็น นอกเหนือจากการเปิดรับฟังผ่านทางเว็บไซต์อย่างเดียว. – สำนักข่าวไทย