ทำเนียบรัฐบาล 31ต.ค.-ดอนยืนยันกต.ถอนพาสปอร์ต 4 เล่มยิ่งลักษณ์แล้ว ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าหลบหนีอยู่ที่ใด ส่วนเรื่องขอลี้ภัยเป็นการพิจารณาภายในของอังกฤษ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกพาสปอร์ต 4 เล่มของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี และพ้นกำหนด 30 วันในการขออุทธรณ์ จึงถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด ส่วนการติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นขั้นตอนของตำรวจและอัยการที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
“ส่วนจะถือเป็นการจำกัดการเดินทางหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีอยู่ที่ใด ทราบแต่ตามกระแสข่าวตอนแรกว่าอยู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นเดินทางไปต่อที่ประเทศอังกฤษ ส่วนจะขอลี้ภัยหรือไม่ ต้องไปถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายดอน กล่าวว่า เท่าที่ทราบไม่ใช่ข้อมูลที่ทางไทยเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ประเทศอังกฤษได้แจ้งมาว่า หากน.ส.ยิ่ลักษณ์ ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จะไม่ใช่เรื่องของการลี้ภัย หากยังพำนักอยู่ก็เป็นไปตามขั้นตอนการเข้าเมืองตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ไทยไม่ได้สอบถามโดยตรงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางเข้าไปโดยถือพาสปอร์ตอะไร ต้องสอบถามประเทศอังกฤษอีกครั้ง ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ มีข้อมูลเท่าที่ทราบตามกระแสข่าว และไม่มีความชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปอยู่ที่อื่น นอกจากกระแสข่าวที่อยู่ในประเทศอังกฤษ
ส่วนการสอบถามไปยังนานาประเทศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พำนักอาศัยอยู่ที่ไหนหรือไม่ หลังคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า คงไม่ต้องถาม และขอพูดตรงๆ ว่าเรามีเรื่องอื่นอีกเยอะ ส่วนเรื่องน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย เป็นหน้าที่ของตำรวจจะดำเนินการไปตามเครือข่ายหรือส่วนอื่นๆที่เชื่อมโยงอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง มาถึงจุดนี้กระทรวงการต่างประเทศเหมือนแมสเซนเจอร์ ทำหน้าที่ส่งข้อความและยืนยันสถานะทางคดีเท่านั้น
เมื่อถามย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องยอมรับความจริงในกรณีที่หลายประเทศพร้อมให้สัญชาติหรือพาสปอร์ตแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายดอน กล่าวว่า ไม่ได้รับความจริงในแง่นี้ แต่ละประเทศมีกฎหมายของเขา หากมีการขอสัญชาติหรือพาสปอร์ต ต้องพิจารณาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีสถานภาพอย่างไร ควรได้รับการพิจารณาครบถ้วนตามกฎหมายเขาหรือไม่ หากสนใจเรื่องนี้คงต้องติดตามกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย