กทม. 18 ต.ค.-ปัจจุบันการผลิตยาสมุนไพรไทยก้าวไกลด้วยงานวิจัยและพัฒนา คาดว่าจะช่วยเปิดตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน
ยาสมุนไพรไทยอย่างกระชายดำ และอีกหลายตัว ยาทางเลือกในการรักษา ตอนนี้ไม่ยุ่งยากที่จะหาซื้อรับประทานอีกต่อไป เพราะมีรูปแบบและคุณภาพที่ได้มาตรฐาน สามารถหวังผลในการรักษาที่แน่นอนได้แล้ว เนื่องจากผู้ผลิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมผลิตยาสมุนไพร นำเทคโนโลยีชั้นสูงมาสกัดตัวยาออกมาและผลิตเป็นยาเม็ด หรือแคปซูลได้แล้ว
ยาสมุนไพรไทยจึงไม่ได้ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบโบราณ ด้วยการบดสมุนไพรแล้วนำมาใส่แคปซูลหรืออัดเม็ดอีกต่อไป แต่กว่าจะก้าวมาถึงขั้นตอนนี้ ผู้ผลิตจำนวนมากยังจำเป็นต้องอาศัยการลงทุนด้านงานวิจัย พัฒนา และการลงทุนเทคโนโลยีชั้นสูง สิ่งสำคัญคือการยอมรับในคุณภาพยาที่ต้องสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผ่านด่านการขึ้นทะเบียนยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อให้ยาสมุนไพรไทยสามารถเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลและแพทย์เลือกใช้ในการรักษาโรคมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดแม้กระทั่งผู้นำในวงการผลิตยาสมุนไพรรายใหญ่ก็ยังหวังที่จะพึ่งการสนับสนุนจากภาครัฐที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ทั้งการให้เช่าห้องวิจัยและทีมที่ปรึกษา ยาสมุนไพรไทยยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอนจากการปลูกสมุนไพรป้อนให้กับผู้ผลิตยาอีกด้วย
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. ระบุว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกยาถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตร้อยละ 5.78 และยังมีโอกาสส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยาสมุนไพรที่มีการวิจัยและพัฒนาในประเทศ รวมถึงที่ไทยมีศักยภาพในการพัฒนาสูตรยาเอง อุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านยกมาตรฐานการผลิต โดยผู้ผลิตต่างหวังภาครัฐจะให้การสนับสนุนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย