รพ.เด็ก 24 ต.ค.-จิตแพทย์เด็กแนะพ่อแม่ ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าขณะนี้ ควรบอกลูกอย่างตรงไปตรงมา โดยเลือกใช้คำที่เข้าใจง่ายตามพัฒนาการ พร้อมชวนร่วมทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแทนการเศร้าเสียใจ
พญ.ถิรพร ตั้งจิตติพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก)กรมการแพทย์ กล่าวว่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของชาวไทย บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าที่ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน ย่อมส่งผลต่อประชาชนตัวน้อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพ่อแม่จำนวนไม่น้อย คงต้องคิดตอบคำถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงน้ำตาไหลทุกครั้งที่ดูข่าว ทำไม่พ่อดูซึมๆ ปู่ย่าตายายก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
พญ.ถิรพร กล่าวต่อว่า กรมการแพทย์ขอแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองในการพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้ว่า ควรบอกลูกอย่างตรงไปตรงมา โดยเลือกใช้คำที่เด็กเข้าใจได้ง่ายๆ ตามพัฒนาการการรับรู้ของเด็ก เช่น “ในเด็กเล็ก น้อยกว่า 6 ปียังไม่เข้าใจเรื่องความตายมากนัก เราอาจบอกได้ว่า ในหลวงท่านเสียชีวิตแล้ว แม่เสียใจเพราะจะไม่มีโอกาสได้เห็นท่านอีก” โดยไม่ต้องอธิบายให้ซับซ้อน
ส่วนในเด็กโตมากกว่า 10 ปี จะเริ่มเข้าใจความตายได้เหมือนผู้ใหญ่ การเปิดโอกาสให้เด็ก ได้พูดคุยเรื่องนี้ หรือซักถามข้อสงสัยจึงช่วยให้เด็กเรียนรู้ รับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดี ในกรณีที่แม่ หรือสมาชิกในครอบครัวมีความโศกเศร้ามากบรรยากาศในครอบครัวมีแต่ความหม่นหมอง เด็กๆ อาจรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย เพราะผู้ใหญ่มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป ควรให้ความมั่นใจกับลูก รวมทั้งทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ กับลูกให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะเดียวกันพ่อแม่อาจใช้โอกาสนี้อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา สามารถร้องไห้ได้ เสียใจได้ แต่เมื่อเศร้าโศกร้องไห้แล้วก็ต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและดำเนินชีวิตต่อไป เล่าให้ลูกฟังถึงพระราชกรณียกิจ ความดียิ่งใหญ่ที่ทรงทำให้กับประชาชน ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย เมื่อเสด็จสู่สวรรคาลัย ทุกคนจึงเสียใจมาก
นอกจากนี้บอกลูกว่า การทำความดีนั้น เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และถึงแม้ว่าผู้ที่ทำดีนั้น จะจากไป แต่ความดียังคงอยู่ในคนรุ่นหลังได้ระลึกถึงเสมอ และสามารถชวนลูกๆ ได้ทำความดีร่วมกับครอบครัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แทนการเศร้าเสียใจ .-สำนักข่าวไทย