ตรัง 18 พ.ค.-ผู้ปกครองหัวร้อนกระโดดถีบเด็กชาย 6 ขวบ ล้มคะมำบาดเจ็บ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ให้การปฏิเสธ ด้านพ่อแม่เด็กชาย 6 ขวบ ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด
จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “ท่านเปา” ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์รุนแรงในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง พร้อมข้อความระบุว่า “ผู้ปกครองกระโดดถีบเด็ก 6 ขวบหน้าหงาย หลังไม่พอใจที่น้องเล่นกับลูกตนแล้วทำเป็นแผลถลอก” โดยในคลิปปรากฏภาพเด็กชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะวิ่งเข้ามาแล้วกระโดดถีบเข้าที่ใบหน้าเด็กจนล้มหน้าคะมำลงกับพื้น ท่ามกลางความตกใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งครูประจำชั้นได้รีบเข้ามาตรวจสอบทันที เหตุการณ์ดังกล่าวจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรง โดยมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เกินกว่าเหตุ
เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 16.15 น. มารดาของเด็กชายผู้บาดเจ็บได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง โดยระบุว่า เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะไปรับบุตรชายที่โรงเรียนอนุบาลตรัง ครูได้แจ้งว่าบุตรชายมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมชั้น จนเป็นเหตุให้เพื่อนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณปาก หลังจากมารดาได้กล่าวขอโทษคุณครูและผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ระหว่างกำลังพูดคุยกับบุตรชาย บิดาของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บได้วิ่งเข้ามาและกระโดดถีบเด็กชายบริเวณศีรษะ ทำให้เด็กชายได้รับบาดเจ็บ ภายหลังจากได้รับแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ และส่งตัวเด็กชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลธนบุรีตรัง โดยผลตรวจจากแพทย์ยืนยันว่าเด็กได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำบริเวณหลัง ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน
ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้นั้น”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังครอบครัวและญาติพี่น้องของหนูน้อยผู้โชคร้าย ได้รับคำตอบว่า หลังเกิดเหตุได้นำเด็กชายไปตรวจร่างกายแล้ว 2 ครั้ง ตอนนี้น้องยังมีอาการบาดเจ็บเป็นรอยฟกช้ำ บริเวณไหปลาร้าด้านขวา ซึ่งน่าจะเกิดจากส้นเท้าของผู้ปกครองคนนั้น ซึ่งในเบื้องต้นก็ขอให้ทางตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย จะไม่มีการยอมความโดยเด็ดขาด ซึ่งทางญาติพี่น้องไม่อยากให้สัมภาษณ์ เนื่องจากเป็นห่วงด้านความปลอดภัยของลูกหลาน เพราะน้องยังจะต้องไปเรียนหนังสืออีกยาวนาน และห่วงว่าโรงเรียนจะเสียหาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นโรงเรียนไม่ได้มีความผิดอันใด เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่มีใครที่จะสามารถจับตัวผู้ปกครองอารมณ์ร้อนคนนั้นไว้ได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเมื่อทางญาติไปขอเอกสารหลักฐานต่างๆ ทางโรงเรียนให้ความร่วมมืออย่างดีมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันพฤหัสในวันรุ่งขึ้น ซึ่งตรงกับศุกร์ น้องก็ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะกลัวยังมีอาการหวาดผวาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนในครอบครัว บอกกับน้องว่าไม่ต้องกลัวแล้วเพราะว่าคนที่ทำน้องถูกตำรวจจับไปแล้ว ทำให้เด็กคลายความวิตกกังวล จึงยอมไปโรงเรียน แต่หลังจากนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายจะไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น
ด้าน ผู้ปกครองหัวร้อน เข้ารับทราบข้อกล่าวแล้ว แต่ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างไม่ได้ถีบ แค่เข้าไปคุยกับเด็กเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย