กรุงเทพฯ 22
ต.ค.-กระทรวงพาณิชย์ใช้ “ตลาด” สร้างความเข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ
และเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่น มั่นใจเป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสำคัญ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
กระทรวงพาณิชย์ได้แปลงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลสู่การปฏิบัติ
โดยใช้การพัฒนา “ตลาด” หลากหลายรูปแบบเป็นกลไกขยายช่องทางจำหน่ายให้ผลผลิตทางการเกษตร
สินค้าชุมชนและท้องถิ่น
เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ
พร้อมจับมือหน่วยงานพันธมิตรพัฒนาเกษตรกร ผู้ผลิต
และผู้ค้ารายย่อยในชุมชนสู่การเป็นผู้ประกอบการ 4.0 เช่น การจัดตั้งตลาดชุมชนภายใต้ชื่อ “ตลาดต้องชม” มีทั่วทุกภูมิภาคจำนวน 148 แห่ง
ก่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ช่วยให้ตลาดชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายร้อยล้านบาท
นอกจากนี้
มีการจัดตั้งตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market)
เชื่อมโยงผลผลิตเด่นจากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวโดยตรง เช่น
ตลาดทุเรียน ปัจจุบันเปิดตลาดแล้ว 4 แห่ง ณ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต
อุดรธานี และกรุงเทพฯ การพัฒนาศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน
(Farm Outlets) เพื่อเป็นแหล่งหรือศูนย์กลางให้เกษตรกรนำผลผลิตเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่าย
ปัจจุบันมีศูนย์ฯ รวมทั้งสิ้น 42 แห่ง ใน 24 จังหวัด ก่อให้เกิดมูลค่าการจำหน่ายสินค้ารวมกว่า300 ล้านบาท การจัดตั้งตลาดประชารัฐชายแดน
โดยปรับปรุงให้ตลาดในพื้นที่มีมาตรฐานและผลักดันให้เป็นตลาดที่ทำการซื้อขายสินค้าของประชาชนในพื้นที่
และส่งเสริมให้ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาซื้อขายเพื่อขยายมูลค่าการค้าชายแดน
โดยจะนำร่องตลาดประชารัฐไทย-ลาว เป็นแห่งแรก
นอกจากนั้น
กระทรวงพาณิชย์ยังได้ส่งเสริมตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตการเกษตร
ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอินทรีย์ระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
(Organic & Natural Expo 2017 ) รวมทั้งได้จัดตั้งหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์
(Organic Village)
เพื่อสนับสนุนเกษตรกรให้มีการผลิตสินค้าตามมาตรฐานและมีความรู้ด้านการตลาดอินทรีย์โดยเฉพาะ
“ในช่วงต่อไปมีแผนที่จะขยายจำนวน “ตลาด” เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมชุมชนจำนวนมากขึ้น
พัฒนา “ตลาดรูปแบบใหม่” พร้อมทั้งต่อยอด “ตลาด” ให้เชื่อมโยงกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว มอบให้พาณิชย์จังหวัดผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงการรับซื้อตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจท้องถิ่นให้สามารถผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ขยายช่องทางการตลาดทั้งใน รวมทั้งมีการจัดอบรมอีกด้วย”นางอภิรดีกล่าว-สำนักข่าวไทย