ดีเอสไอ18 ต.ค.-‘ดีเอสไอ-ไปรษณีย์ไทย-ไต้หวัน’ ร่วมจับกุมเครือข่ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ สร้างความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายมานะ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายขบวนการ “แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์” ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าววา สืบสวนพบว่าเครือข่ายดังกล่าว ตั้งฐานคอลเซ็นเตอร์อยู่ต่างประเทศ โดยคนต่างชาติร่วมมือกับคนไทย นำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในการโทรศัพท์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ VoIP (Voice Over Internet Protocol) เพื่อให้เกิดความซับซ้อนยากแก่การติดตาม มีการแสดงหมายเลขโทรศัพท์ ในขณะรับสายเป็นเบอร์โทรของหน่วยงานรัฐ เช่น ดีเอสไอ บริษัท ไปรษณีย์ไทย หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อสร้าง ความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะมีการพูดจาโน้มน้าว กดดัน จนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเครือข่ายหรือบัญชีรับจ้างและจะมีชาว ต่างชาติที่แฝงตัวมาในฐานะนักท่องเที่ยว ทำการกดเงินออกโดยทันที ที่ผ่านมาจับกุมผู้กระทำผิดได้แต่เพียงผู้เปิดบัญชีรับจ้าง ผู้ถอนเงิน และผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนรายเล็ก ๆ ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า การโทรผ่านด้วยระบบ VoIP ผ่านผู้ให้ บริการของบริษัท พี เอ็ม เอ็น จำกัด ตั้งอยู่ อาคารทศพลแลนด์ 4 เขตบางนา จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น พบข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ของเครือข่ายผู้กระทำผิด มีการเชื่อมโยงจากเครือข่ายจดทะเบียนทั้งใน ฮ่องกง อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันทีมสืบสวนได้ติดตามพฤติกรรมกลุ่มคนไทยผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับคนไต้หวัน และมีข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง จนมีฐานะร่ำรวยผิดสังเกต โดยทีมสืบสวนได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ MJIB ไต้หวัน (The Ministry of Justice Investigation Bureau) จนพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นบทพูดภาษาไทยที่ใช้ ในการหลอกลวงเหยื่อและคนไทยกลุ่มนี้อยู่ในความคุ้มครองดูแลของคนไต้หวันที่มีประวัติต้องโทษเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงและลักทรัพย์
โดย MJIB ได้เข้าตรวจค้นที่ทำการของกลุ่มเป้าหมาย ณ เมืองไทจง และเมืองเหมี่ยวลี่ พบพยานหลักฐาน เป็นเอกสารบทพูดที่ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การสื่อสาร ที่แสดงได้ว่าร่วมกันกระทำผิดในลักษณะของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจค้นและจับกุมคนไทยจำนวน18 คน และคนไต้หวันจำนวน 7 คน ซึ่งคนไทยที่ถูกจับกุม 2 คน คือนางธัญวรรณ วงษ์ภักดี และนายณัฐสิทธิ์ สามตะคุ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นความร่วมมือของทีมสืบสวน กองคดีเทคโนโลยีและสารเทศ และพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน จากผู้เสียหาย มีการชักชวนคนไทยไปทำงานรับโทรศัพท์ที่ไต้หวัน โดยได้รับค่าตอบแทนมากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน
นายมานพ กล่าวว่า ตั้งแต่พฤศจิกายน 2559 ถึง 16 ตุลาคมที่ผ่านมา มีประชาชนร้องเรียนกับศูนย์ข้อมูล บริษัทไปรษณีย์ไทยผ่านทางสายด่วนไปรษณีย์ไทย 1545 ว่า มีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทไปรษณีย์ไทย,ดีเอสไอ ,ปปง. ,ป.ป.ส., ธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณ 10,000 ราย และมีจำนวนสายโทรมาร้องเรียนมากขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะมีผู้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อร่วม 100 รายวงเงินกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งไปรษณีย์ไทยยืนยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีพัสดุตกค้างจะไม่มีการโทรไปแจ้ง แต่จะส่งเป็นเอกสาร หรือหนังสือไปให้
พร้อมย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีโทรศัพท์อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ทั้งไปรษณีย์ หรือดีเอสไอ อ้างว่ามีพัสดุตกค้าง หรือมาพูดจาโน้มน้าวให้กระทำ อย่างใดอย่างหนึ่ง และย้ำเตือนว่าหน่วยงานธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสถาบันการเงินไม่มีการสั่งทางโทรศัพท์ ให้โอนเงินเพื่อปิดบัญชี หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อย่าเพิ่งหลงเชื่อ หากสงสัยให้สอบถามได้ที่ Call Center กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 หรือสายด่วนไปรษณีย์ 1545 ก่อน.-สำนักข่าวไทย