กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – คปภ.เร่งเคลมประกันรถถูกน้ำท่วมเสียหาย เผยรถยนต์จมน้ำ 3,184 คัน ประเมินเสียหายเบื้องต้นกว่า 45 ล้านบาท พร้อมสั่งให้ถือแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์น้ำท่วมและไม่เอาเปรียบประชาชน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการที่ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาว กทม.ได้รับผลกระทบ โดยในส่วนของรถยนต์มีรถยนต์ถูกน้ำท่วมจำนวนมาก ซึ่งได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและประสานกับบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. ติดตามให้ความช่วยเหลือ และเร่งรัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมดังกล่าว โดยวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ได้เรียกประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตามการช่วยเหลือด้านการประกันภัยฯเพื่อติดตามดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยนี้เป็นการเร่งด่วน และจากรายงานล่าสุดวันที่ 18 ตุลาคม 2560 เวลา 09.30 น. มีรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครถูกน้ำท่วม 3,184 คัน ซึ่งทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันวินาศภัย 41 บริษัท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 45,598,009 บาท
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000 -20,000 บาท ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป และระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทผู้รับประกันภัยจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้รับประกันภัยสถานเดียว ทั้งนี้ จากรายงานดังกล่าว พบว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 จาก 3,155 คัน ถูกน้ำท่วมในระดับ A-B จึงกำชับให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวเร่งรัดในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วย
นายสุทธิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่จะได้รับความคุ้มครองกรณีภัยจากน้ำท่วมต้องเป็นกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 หรือ ประเภท 3 หรือประเภท 2+ หรือ 3+ ที่ซื้อความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ (ภัยน้ำท่วม) เพิ่มเติม ก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นกัน สำหรับประชาชนซึ่งรถยนต์ที่เสียหายไม่ได้ทำประกันหรือประกันภัยไม่ครอบคลุมก็สามารถใช้แนวปฎิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ ในการป้องกันไม่ให้อู่ซ่อมรถยนต์เรียกค่าซ่อมเกินความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภัยน้ำท่วมเป็นเรื่องที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นและก่อความเสียหายได้อีก จึงขอแนะนำให้ประชาชนบริหารความเสี่ยงด้วยระบบประกันภัย โดยในส่วนของประกันภัยรถยนต์ควรเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมด้วย.-สำนักข่าวไทย