ไทยจับมือสหรัฐเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน

นนทบุรี  5 ต.ค. – รมว.พาณิชย์เผยไทย-สหรัฐฯ ก้าวข้ามปัญหาขาดดุลการค้า พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน


นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทน์โอชา) ตามคำเชิญของนายโดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคม 2560 ประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยเฉพาะการหารือด้านการค้าและการลงทุน ทำให้ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสหารือกันอย่างใกล้ชิด เข้าใจกันมากขึ้น และพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน โดยได้ก้าวข้ามปัญหาการขาดดุลการค้า เน้นการจับมือเป็นพันธมิตรเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน

สำหรับการหารือครั้งนี้ ผู้นำทั้ง 2 เห็นพ้องกันว่านโยบายอเมริกันมาก่อน หรือ America First และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 สามารถเกื้อกูลและส่งเสริมกันได้ โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สหรัฐนำเข้าเพื่อไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตต่อในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมสหรัฐ ขณะที่ไทยก็สนใจนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีคุณภาพสูงจากสหรัฐ เพื่อนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางการค้า ซึ่งเป็นการเสริมผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน และสามารถนำไปสู่การขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันในอนาคต โดยปี 2559การค้า 2 ประเทศมีมูลค่า 36.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสหรัฐ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  และนำเข้าจากสหรัฐ 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการลงทุน ซึ่งปัจจุบันนักธุรกิจไทยมีการลงทุนในสหรัฐเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ โดยลงทุนในสหรัฐเป็นสาขาการผลิตอุตสาหกรรมในสาขาต่าง ๆ  อาทิ อาหาร พลังงาน และยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐกว่า 70,000-80,000 ตำแหน่งในปี 2559 และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มอีก 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานเพิ่มอีกกว่า 10,000 ตำแหน่ง จึงขอให้สหรัฐช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกการลงทุนของไทยในสหรัฐด้วย โดยเฉพาะไทยและสหรัฐมีสนธิสัญญาไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 2509 ที่ให้สิทธินักลงทุนของทั้ง 2 ฝ่ายเยี่ยงคนชาติ นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนให้นักลงทุนสหรัฐพิจารณาการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก รวมทั้งการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน สำหรับประเด็นการค้าที่ยังเป็นอุปสรรคได้มอบหมายระดับเจ้าหน้าที่หารือกันต่อไป โดยไม่ได้ลงรายละเอียดในการพบกันครั้งนี้

ทั้งนี้ ไทยขอบคุณสหรัฐที่ได้เปิดทบทวนการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ (Out of cycle review: OCR) ซึ่งไทยจะมุ่งมั่นปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญาและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในไทยอย่างเข้มแข็งจริงจังต่อไป โดยหวังว่าผลการทบทวนจะนำไปสู่การถอดไทยจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (PWL) โดยเร็ว รวมทั้งขอให้สหรัฐสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปสหรัฐ เช่น การลดความเข้มข้นของระดับการฉายรังสีที่สหรัฐกำหนดในผลไม้ไทย เพื่อไม่ให้กระทบคุณภาพและผิวของผลไม้ที่ไทยส่งไปสหรัฐ เช่น มะม่วง ตลอดจนเร่งออกใบอนุญาตด้านสุขอนามัยให้สินค้าส้มโอของไทย ซึ่งได้ยื่นคำขอไว้ตั้งแต่ปี 2558 โดยขอให้สหรัฐออกประกาศใน Federal Register โดยเร็ว

นางอภิรดี  กล่าวว่า การเดินทางเยือนสหรัฐครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนำคณะนักธุรกิจชั้นนำของไทยเดินทางมาหารือกับนักธุรกิจสหรัฐโดยเฉพาะนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในสหรัฐ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น ซึ่งผลการหารือหอการค้าไทยและหอการค้าสหรัฐตกลงที่จะจัดทำ MOU ระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและคัดเลือกสาขาธุรกิจที่จะสามารถร่วมมือกันได้ เช่น สาขาพลังงาน การค้าบริการ นวัตกรรมและ IT การศึกษา การแพทย์และสุขภาพ และความมั่นคงทางอาหาร เป็นต้น รวมทั้งตกลงที่จะให้ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าไทยและหอการค้าสหรัฐหารือกันเป็นประจำทุกปี โดยหอการค้าไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือครั้งแรกปี 2561 ถือเป็นโอกาสของการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 185 ปีของทั้ง 2 ประเทศด้วย


นอกจากนี้ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (PTTGC) ยังได้ลงนาม MOU กับหน่วยงานด้านการจ้างงานของมลรัฐโอไฮโอ (JobsOhio) เรื่องความร่วมมือในการศึกษาและจัดทำโครงการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่เขตเบลมอนต์ (Belmont County) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานปิโตรเคมี บริษัทเอสซีจี (SCG) ได้ลงนาม MOU และคำสั่งซื้อถ่านหินกับ Smoky Mountain Coal Corporation ซึ่งเป็นเรื่องที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ เนื่องจากมองว่าจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน ในขณะเดียวกันการสั่งซื้อดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ไทยสำหรับการสั่งซื้อวัตถุดิบถ่านหินที่มีคุณภาพดี มลภาวะน้อย และให้ความร้อนสูง มาต่อยอดใช้ประโยชน์ภายในประเทศ

ทั้งนี้ ในการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกับสภานักธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะผลักดันให้มูลค่าทางการค้าระหว่าง 2ประเทศ เพิ่มเป็น 85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เชิญชวนนักลงทุนสหรัฐเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่เป็นอุตสาหกรรมอนาคตที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูง โดยไทยเตรียมความพร้อมต่าง ๆ เพื่อดึงดูดและรองรับการลงทุน เช่น การให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอและเขตเศรษฐกิจพิเศษ การปรับกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการลงทุน เป็นต้น

ปัจจุบันสหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของไทย รองจากจีนและญี่ปุ่น โดยปี 2559 การค้าระหว่างไทยและสหรัฐ มีมูลค่า 36.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกของไทยไปสหรัฐ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สหรัฐเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 3 ของไทย มีมูลค่านำเข้าของไทยจากสหรัฐฯ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในด้านการลงทุนในปี 2559 สหรัฐลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าการลงทุน 11.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.14.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]