กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา 3 ต.ค.-นายกฯ หารือนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในสหรัฐฯ พร้อมผลักดันความร่วมมือภาคเอกชนไทย-สหรัฐให้เป็นรูปธรรม แนะเดินหน้าพร้อมภาครัฐสร้างบรรยากาศลงทุน
บุษยา อุ้ยเจริญ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย รายงานการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการวันที่สองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางอภิรดี ตันตราภรณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พบหารือกับนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในสหรัฐ ในเวลา 10.30 ตามเวลาที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งตรงกับเวลา 21.30 น.ในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณนักธุรกิจที่ร่วมคณะเดินทางมาเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการหารือความร่วมมือการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะผลักดันให้ความร่วมมือของภาคเอกชนไทยและสหรัฐมีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารให้ภาคธุรกิจสหรัฐ รู้ว่าไทยกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร โดยเฉพาะการปรับกฎระเบียบที่เอื้อต่อบรรยากาศการลงทุน ซึ่งทั้งรัฐบาลและเอกชนของไทยจะต้องเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมขอให้ภาคธุรกิจใช้ช่องทางขององค์กรทางธุรกิจระหว่างไทยและสหรัฐเป็นส่วนช่วยในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ด้านนายคริสโตเฟอร์ พงยา กาลนิล ผู้บริหารบริษัทบ้านปูจำกัด (มหาชน) นักธุรกิจด้านพลังงานที่ร่วมคณะมาเยือน กล่าวว่า การพบปะกันของผู้นำไทยและสหรัฐถือเป็นก้าวแรกการเดินหน้าสร้างความร่วมมือการค้าการลงทุนของไทยและสหรัฐ และขอให้รัฐบาลไทยส่งเสริมให้นักลงทุนไทยเข้ามาทำธุรกิจในลักษณะของการรวมตัวกันเป็นกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างความเข้มแข็งการดำเนินธุรกิจ และขณะนี้นับเป็นโอกาสดีในการที่จะลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐมีนโยบายหลักในการส่งเสริม เพราะเป็นการสร้างงานในสหรัฐ อีกทั้งเป็นโอกาสดีที่จะได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านการผลิตและการสำรวจพลังงาน ขณะเดียวกันไทยยังมีโอกาสที่จะดึงนักลงทุนจากสหรัฐไปลงทุนด้านพลังงานในไทยด้วย
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคเอกชนไทยและสหรัฐเห็นพ้องว่าจะต้องผลักดันยุทธศาสตร์ความร่วมมือรหว่างกัน รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร ที่ไทยอยากให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดของสหรัฐได้มากขึ้น และการเดินทางมาเยือนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีของไทย ได้เข้าสู่ตลาดของสหรัฐได้มากขึ้น ซึ่งกลไกความร่วมมือเหล่านี้จะขับเคลื่อนผ่านสภาหอการค้าไทยมายังหอการค้าสหรัฐต่อไป.-สำนักข่าวไทย
