ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้อนกล้วยเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อันตรายจริงหรือ ?

Screenshot

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เกี่ยวกับอันตรายจากการป้อนกล้วยเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน จริงหรือ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ. (พิเศษ) พญ.สุนทรี รัตนชูเอก งานโรคระบบทางเดินอาหารและตับในเด็ก กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และ ยูนิเซฟ (UNICEF) หรือกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children’s Fund) มีคำแนะนำเกี่ยวกับการได้รับสารอาหารของทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน ดังนี้


เด็กแรกเกิดจะต้องได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน

หลังจาก 6 เดือนควรกินนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยจนถึง 2 ขวบ หรือนานกว่านั้น เนื่องจาก “นมแม่” เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กทารก เพราะมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด และมีการสร้างสารอาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีวิตามินและฮอร์โมน รวมถึงแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารของลูกน้อยอีกด้วย

ในเด็กทารกที่เกิดใหม่ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่สมบูรณ์ “น้ำนมแม่” เปรียบเสมือน “วัคซีนหยดแรก” สำหรับเด็กทารก เพราะมีภูมิคุ้มกันโรคที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยที่ไม่สามารถหาได้จากการกินนมผง


1.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “เด็กขาดสารอาหาร” ?

เรื่องนี้เป็นความจริง ถ้าให้เด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือนกินกล้วยแทนนมแม่

ในน้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนเหมาะสำหรับเด็กทารกอยู่แล้ว แต่ถ้าแม่เปลี่ยนมาป้อนกล้วยให้ลูกแทนนมแม่ ผลที่ตามมาก็คือลูกจะได้แต่คาร์โบไฮเดรตจากกล้วยเป็นหลัก สารอาหารตัวอื่นลูกจะได้น้อยจึงทำให้ลูกเกิดภาวะขาดอาหาร

2.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “เด็กสำลักอาหาร” ?

เด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน “คอยังไม่แข็ง”

ขณะที่แม่ป้อนนมลูก ส่วนใหญ่ลูกจะอยู่ในท่านอน

การป้อนกล้วยหรืออาหารอื่นแทนนมแม่ ลูกก็อยู่ในท่านอนเช่นกัน จึงมีโอกาสสูงที่จะสำลักได้

ขณะลูกสำลักเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีการอุดกั้นทางเดินอาหารก็จะมีโอกาสหยุดหายใจได้ เพราะไม่มีลมเข้าออกซึ่งอันตรายมาก

3.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “ระบบย่อยมีปัญหา” ?

ในเด็กทารกอายุน้อยกว่า 4 เดือน ระบบการย่อยอาหารสำหรับย่อยอาหารอื่น (ที่ไม่ใช่นมแม่) ยังไม่ดีพอ อาจจะทำให้อาหารที่กินเข้าไปไม่ย่อย มีปัญหาการอุดกั้นของลำไส้

4.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “ทางเดินหายใจอุดกั้น” ?

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเด็กทารกสำลักอาหาร (กินอาหารท่านอนหงาย) เมื่อเกิดการสำลักแล้วมีอาหารลงไปอุดกั้นทางเดินหายใจ

หลอดลมของเด็กทารกมีขนาดเล็กกว่าของผู้ใหญ่ เมื่อมีอาหารอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ไม่มีลมเข้า-ออกทำให้เด็กเสียชีวิตได้

อีกกรณี เด็กทารกสำลักอาหารและอาหารผ่านลงไปทางเดินหายใจส่วนล่าง มีการอุดกั้นและทำให้ปอดติดเชื้อ บางรายจะต้องรักษาด้วยการตัดปอดที่ติดเชื้อบางส่วนออก

5.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “ภูมิต้านทานลดลง” ?

เนื่องจาก “นมแม่” มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่เหมาะสมสำหรับเด็กทารกแรกเกิดจนถึง 6 เดือน (เป็นอย่างน้อย) และควรให้นมแม่ต่อเนื่องนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงให้สารอาหารอื่นที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย

มีเด็กทารกบางคนที่แม่หยุดให้นม และป้อนกล้วยเด็กทารกอย่างเดียวที่มีแต่แป้ง จึงทำให้เด็กขาดสารอาหาร การเติบโตก็ไม่ดี จึงส่งผลให้ภูมิต้านทานร่างกายลดลง

6.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “ท้องอืด” ?

อาการ “ท้องอืด” เกิดจากอาหารไม่ย่อย

ในเด็กที่ท้องอืดมักจะกินอาหารไม่ค่อยได้ และมีอาการไม่สบายตัว

อาหารที่ไม่ย่อยมักจะกีดขวาง และ/หรือ อุดกั้นทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่

7.ป้อนกล้วยเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน : ทำให้ “เกิดโรคอ้วน” ?

เด็กทารกกินนมแม่อย่างเดียวได้รับสารอาหารครบถ้วนแต่ไม่อ้วน

มีเด็กทารกบางคนได้รับอาหารเนื้อที่มีความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า จึงมีโอกาสที่มีพลังงานส่วนเกินสะสมทำให้เป็นเด็กอ้วนได้

เด็กทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน กินอะไรได้บ้าง ?

ภายใน 6 เดือนแรก ถ้าน้ำนมแม่มีปริมาณมากพอก็ให้เด็กทารกกินนมแม่อย่างเดียว

กรณีนมแม่มีปริมาณไม่พอ เด็กทารกกินไม่อิ่ม สังเกตได้จาก “เด็กตื่นเร็วขึ้น” และ “หิวบ่อยมากขึ้น” นั่นคือเด็กกินนมไม่อิ่ม กินนมไม่พอ

วิธีสังเกตอีกอย่างก็คือ นำเด็กทารกไปชั่งน้ำหนักแล้วดูกราฟพัฒนาการเด็กในสมุดวัคซีน จะเห็นว่าการเติบโตของเด็กเริ่มลง ไม่ทะยานขึ้นตามกราฟปกติของเด็กทั่วไป

ถ้านมแม่ไม่พอ สามารถแก้ไขได้ด้วย 2 วิธีดังนี้

1. เริ่มอาหารตามวัยเร็วขึ้น คือหลังจาก 4 เดือนก็เริ่มได้แล้ว

2. อาจจะเริ่มให้นมผสมร่วมด้วยกับนมแม่ เพื่อจะเติมพลังงานส่วนที่ขาดไป

ควรให้ลูกเริ่มกินกล้วยตอนไหน และหลังจาก 6 เดือนไปแล้วกินกล้วยอย่างเดียว พอหรือไม่ ?

ในกลุ่มเด็กที่กินนมแม่ และแม่มีน้ำนมปริมาณมากเพียงพอ ก็ควรเริ่มให้กินกล้วยหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว แต่ถ้าเด็กกินนมผงก็จะแนะนำให้กินกล้วยหลังจาก 4 เดือนไปแล้ว

หลังจาก 6 เดือนให้เด็กทารกกินกล้วยอย่างเดียวก็จะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะต้องให้อาหารตามวัยควบคู่กันด้วย

ผู้ปกครองควรเปิดสมุดสุขภาพเด็ก จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกแล้วมีพัฒนาการตามมาตรฐานหรือไม่ เพราะในท้องตลาดมีอาหารสำเร็จรูปตามวัยขาย  แต่ต้องเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ เพราะเด็กที่กินอาหารมีน้ำตาลตั้งแต่เล็ก จะติดรสหวาน ทำให้กินอาหารที่ไม่มีรสหวานไม่ได้เลย

ดังนั้น ไม่ใช่ “กล้วย” อย่างเดียว แต่รวมถึงอาหารทุกอย่างที่นอกเหนือจากนมแม่ ก็ไม่ควรจะเริ่มก่อนอายุ 6 เดือน ยกเว้นกรณีที่นมแม่ไม่เพียงพอ แล้วเด็กเริ่มมีการเติบโตที่ผิดปกติ ก็จำเป็นจะต้องเริ่มอาหารตามวัยเร็วขึ้น แต่ก็ไม่เร็วกว่า 4 เดือน

สัมภาษณ์โดย ณัฐวัฒน์ จิตรมั่น

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้อนกล้วยเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อันตรายจริงหรือ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]