กรุงเทพฯ 2 ต.ค.- จับตา กบง. 4 ต.ค.
แนวโน้มขึ้นราคาแอลพีจีหลังราคาโลกขยับขึ้นเกือบ 100 ดอลลลาร์สหรัฐ/ตัน
รมว.พลังงาน เตือน ทำใจรับมือ ราคาพลังงาน ปี 61 มีแต่ขาขึ้น ย้ำหน่วยงานสังกัด
แจงสังคมเข้าใจงานด้านพลังงานทั้งช่วยดูแลราคาพลังงาน และกระตุ้นจีดีพี
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
มอบนโยบายแก่ข้าราชการ ในโอกาสเริ่มต้นปี งบประมาณ 2561
โดยกระทรวงยึดมั่นเรื่องความมั่นคง ราคาเป็นธรรม
มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
และการลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยในปี 2561
งบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานทั้งหมดมีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1
ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในขณะที่การลงทุนด้านพลังงานของภาคเอกชนก็ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก
จากผลพวงนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะภาคพลังงานทดแทน
ส่วนราคาพลังงานโลก ทั้งน้ำมัน
ก๊าซฯมีแนวโน้มขยับขึ้น ตามภาวะภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
เรื่องเศรษฐกิจแต่ละประเทศที่ดีขึ้น ทำให้การใช้น้ำมันโลกสูงขึ้น ราคาจึงขยับขึ้น
จึงให้ทุกหน่วยงานศึกษาดูว่าจะบริหารเงินกองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระอย่างไร
รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ถึงทิศทางราคาพลังงาน โดยอาจจะต้องขยับขึ้นบ้าง เพื่อสะท้อนต้นทุน
ส่วนราคาแอลพีจี เดือน ต.ค.ในประเทศจะปรับขึ้นหรือไม่หลังราคาตลาดโลกขยับขึ้นรวดเร็วถึง
ราว 100 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 570-590 ดอลลาร์/ตัน
จากเดือนกันยายนอยู่ที่ประมาณ 490 ดอลลาร์/ตัน
เรื่องนี้คงต้องรอดดูที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ในวันพุธนี้
ว่าจะมีมติอย่างไร
ทั้งนี้ หลังจากลอยตัวราคาแอลพีจี เมื่อเดือนสิงหาคม
2560 ราคาแอลพีจีตลาดโลกขยับขึ้นมาโดยตลอด และเดือนกันยายน 2560 กบง. มีมติใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ
เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคา โดยให้ ชดเชยราคาแอลพีจี 3.5719 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาอ้างอิง เดือน
กันยายนอยู่ที่ 21.15 บาท/กก. กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายสุทธิอยู่ที่ 508
ล้านบาท/เดือน โดยฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 อยู่ที่ 38,632 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีในส่วนของก๊าซ LPG อยู่ที่ 5,859
ล้านบาท และบัญชีในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 32,773 ล้านบาท
นายทวารัฐ สูตะบุตร
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การดูแลราคาแอลพีจี
ในขณะนี้กำลังรอดูนโยบายของผู้บริหารกระทรวงฯว่าจะเห็นชอบเตรียมแผนการโยกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ในส่วนของบัญชีน้ำมันฯมาดูแลแอลพีจีหรือไม่ เพราะ หากดูข้อกฏหมายทั้งหมดแล้ว
ไม่ได้มีส่วนห้ามว่าจะใช้เงินบัญชีน้ำมันมาดูแลแอลพีจีไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
ในที่ประชุมกับข้าราชการกระทรวงพลังงาน ทาง พล.อ.อนันตพร
ได้ให้นโยบายเรื่องการพัฒนาบุคลากร รับกับเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลง
และให้ข้าราชการร่วมทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา
กระทรวงพลังงานเปรียบเสมือน “จำเลยของสังคม” ทั้งที่
กระทรวงพลังงานดูแลปลายทาง เช่น เรื่องราคาน้ำมันขายปลีกแพงกว่าเพื่อนบ้าน
เป็นเพราะภาษีของไทยที่สูงกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องกระทรวงการคลัง
เช่นเดียวกับราคาปาล์ม ,อ้อย,มันสำปะหลัง หากราคาลดลง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำเรื่องถึงกระทรวงพลังงานให้เพิ่มสัดส่วนผสมในพลังงานทดแทน
ทำให้ดูเหมือนว่ากระทรวงพลังงานต้องดูแล
ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นการดูแลราคาก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่น.-สำนักข่าวไทย