ไร้เงา “ยิ่งลักษณ์” ทนายยันไม่ได้รับการประสาน

ศาลฎีกา  27 ก.ย. – ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี “ยิ่งลักษณ์” ละเลยปล่อยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว วันนี้  ยังคงไร้เงา “ยิ่งลักษณ์” “ทนาย” ระบุยังไม่ได้รับการประสานมา และรอฟังคำพิพากษาก่อนตัดสินใจดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะที่บรรยากาศโดยรอบศาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  ผบช.น. เผยยังไม่มีรายงานเหตุผิดปกติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. วันนี้ (27 ก.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้เลื่อนมาจากวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษา โดยทนายเหตุผลว่า น้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่เชื่อว่าป่วยหนัก และมีพฤติการณ์หลบหนี จึงสั่งให้ออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และปรับเงินประกัน 30 ล้านบาท 


เช้าวันนี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และไม่ทราบว่าจะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาหรือไม่ ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ต้องรอผลคำพิพากษาก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

ต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รู้สถานที่หลบซ่อนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด

ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยตัวเอง พร้อมย้ำว่า ไม่มีรายงานเหตุผิดปกติ และไม่มีการยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาศาล และว่าสำหรับการรักษาความปลอดภัย วันนี้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าเดิม  แต่อนุญาตให้กลุ่มมวลชนมาอยู่บริเวณหน้าศาล  หลังมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว และเตือนให้ระวังไม่กระทำการใดที่จะเป็นการละเมิดต่ออำนาจศาล  อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้มีการจัดเตรียมกำลังไว้หากมีกลุ่มมวลชนเดินทางมาเพิ่มเติม หรือ ภายหลังคำพิพากษา   


สำหรับบรรยากาศที่บริเวณศาลฎีกา ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ วันนี้ ยังคงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมาติดตามฟังคำพิพากษา ว่าผลจะออกมาอย่างไร  ขณะที่การรักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัย แต่ไม่ได้เข้มงวดมากนัก โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน รวมถึงกองร้อยน้ำหวาน เจ้าหน้าที่ EOD และสุนัขตำรวจ มาคอยดูแลความปลอดภัย  

สำหรับกลุ่มผู้ที่เคยมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ วันนี้ มีจำนวนไม่มากนัก เพราะต่างรู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ส่วนผู้ที่เดินทางมา เนื่องจากต้องการมาติดตามคำพิพากษาของศาล เพราะจะเป็นการพิจารณาถึงแนวทางในการสู้คดีต่อไป

ขณะที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ยังคงตั้งแผงเหล็กเพื่อตรวจผู้ที่จะเข้าไปฟังคำพิพากษาที่จะต้องแลกบัตรและแจ้งชื่อมาแล้วในก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการปิดการจราจรบริเวณถนนหน้าศาล  ส่วนหนึ่งจัดให้เป็นจุดจอดรถรายงานสดของสื่อมวลชน ซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำหนดไว้ ว่าจะยังคงเข้มในเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ 

ทั้งนี้ การนัดอ่านคำพิพากษาวันนี้ จะเป็นการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คาดว่าศาลจะพิพากษาใน 3 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 อาจพิพากษายกฟ้อง จำเลยไม่มีความผิด แนวทางที่ 2 อาจพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิด แต่รอลงอาญา เนื่องจากเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี หรือแนวทางที่ 3 อาจพิพากษาให้มีความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับโทษจำคุก.- สำนักข่าวไทย

ชมคลิป


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว