เหตุหึงหวง สามีทำร้ายภรรยา สถานการณ์ความรุนแรงปี 59

รร.เอเชีย 22 ก.ย.-มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยสถานการณ์ความรุนเเรงปี 2559 พบสามีทำร้ายร่างกายภรรยาสูง โดยใช้อาวุธปืนก่อเหตุฆ่า สาเหตุใหญ่คือหึงหวง พบ กทม.เป็นพื้นที่ก่อเหตุมากที่สุดในไทย เเนะสังคมลดทัศนคติชายเป็นใหญ่เเละควบคุมอาวุธปืนเเละเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์อย่างจริงจัง


มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดเวทีรายงานสถานการณ์ปัญหาความรุนเเรงในครอบครัวปี 2559 ภายใต้หัวข้อรณรงค์ “ความรุนเเรงฆ่าครอบครัว” เพื่อสะท้อนปัญหาความรุนเเรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในรอบปีที่ผ่านมา 


น.ส.จรีย์  ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่ามูลนิธิได้รวบรวมสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวปี 2559 จากข่าวที่ปรากฎบนหน้าหนังสือพิมพ์13 ฉบับพบว่า มีข่าวความรุนแรงในครอบครัว 466ข่าว เเบ่งเป็น การฆ่ากัน ฆ่าตัวตาย การทำร้ายร่างกาย การตั้งครรภ์ไม่พร้อมเเละความรุนเเรงทางเพศของบุคคลในครอบครัว โดยร้อยละ 19 หรือ 86 ข่าวความรุนเเรงเกิดขึ้นเพราะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น86ข่าว เเละหากจำแนกความรุนแรง พบว่าร้อยละ 72 สามีกระทำต่อภรรยา ร้อยละ 65 เป็นคู่รักแบบแฟนโดยฝ่ายชายเป็นผู้กระทำ ร้อยละ 36 พ่อกระทำต่อลูก และร้อยละ 21 พี่น้องกระทำต่อกัน


ส่วนปัญหาการฆาตกรรมในครอบครัว พบว่าสามีลงมือฆ่าโดยการใช้อาวุธปืนยิงกว่าร้อยละ 44 , ร้อยละ 33 ใช้มีดหรือของมีคม ร้อยละ 23 ใช้วิธีฆ่าแบบอื่น โดยการตบตีจนเสียชีวิต เผา ขับรถชน บีบคอ กดหมอน ทุบตีด้วยกระบอกไฟฉาย ไม้หน้าสาม พลั่ว ซึ่งสาเหตุของการฆ่าร้อยละ 79 มาจากการหึงหวง ระแวง ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดี เเละกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่พบความรุนเเรงมากที่สุด ,

จากข้อมูลทั้งหมดสะท้อนถึงทัศนคติฝ่ายหญิงต้องเป็นสมบัติของฝ่ายชาย  ปัญหาการใช้อาวุธปืนก่อเหตุที่ตอกย้ำถึงรูปธรรมการใช้อำนาจที่เหนือกว่า เเละข่าวส่วนใหญ่เป็นผลจากการดื่มเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ผู้ชายควรมีการปรับทัศนคติไม่ใช้อำนาจเหนือกว่า ตัดคำว่าชายเป็นใหญ่ออกไป รณรงค์ให้เคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกาย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมทางเพศ และสังคมต้องไม่มองว่าความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว ,ควรมีการควบคุมการใช้อาวุธปืน แม้จะมีการขึ้นทะเบียน แต่หลายกรณีไม่ได้ถูกควบคุม หาซื้อง่าย และควรบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง 

ด้านน.ส.เอ นามสมมติ อายุ 33 ปี ถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายเป็นประจำ กล่าวว่า ถูกทำร้ายร่างกายครั้งเเรกขณะตั้งครรภ์ ใช้มีดฟันศีรษะ เเทงตามตัวจนเส้นเอ็นขาดเพราะสามีชอบดื่มเหล้าเสพยา หึงหวงเเละชอบใช้กำลังเป็นประจำ ที่ผ่านมาอดทนเพราะคิดว่าสามีจะกลับใจเเต่ก็ไม่เป็นผล จึงอยากเตือนทุกครอบครัวว่าความรุนเเรงฆ่าครอบครัวได้จริง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]