กรุงเทพฯ 19 ก.ย.- เมื่อรัฐปรับแผนไม่เป็นผู้ลงทุนสร้างท่อน้ำมัน โดยให้เอกชนลงทุน ดังนั้น ทางเอกชนและอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน จึงเห็นว่า กกพ.ไม่ควรกำกับดูแล ด้าน กกพ.รับฟังความเห็นก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้ายแก้กฏหมาย
นางปัจฉิมา ธนสันติ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ กกพ. กำลังเตรียมแก้ไข กฏหมาย กกพ. ให้เป็นไปตามนโยบายกระทรวงพลังงาน คือ เพิ่มการกำกับดูแลท่อขนส่งน้ำมัน จากปัจจุบันดูแลเรื่องไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขนิยาม ให้ครอบคลุม ซึ่ง หาก กกพ.จะเข้าไปดูแลแล้ว ในอนาคตก็จะต้องมีการขึ้นทะเบียนมีการเสียค่าธรรมเนียม เช่น โรงไฟฟ้าต่างๆ รวมทั้ง ต้องขออนุญาตหรือแจ้งเรื่องการปรับค่าขนส่งทางท่อ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการท่อขนส่งในประเทศไทย 3 ราย
อย่างไรก็ตาม จากการจัดรับฟังความเห็น ล่าสุด นายวิฑุรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ให้ความเห็นว่า การกำกับดูแลการบริการท่อน้ำมัน น่าจะใช้เพียงกฏหมายแข่งขันทางการค้า ก็เพียงพอ แล้ว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการของภาคเอกชน ในขณะที่ภาคเอกชน ก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ทาง กกพ. ก็คงจะนำไปหารือกับกระทรวงพลังงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไปว่าจะให้ กกพ.กำกับดูแลหรือไม่
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องการกำกับดูแลท่อน้ำมันในอดีต กระทรวงพลังงานมีนโยบายจะให้ภาครัฐลงทุน ต่อท่อไปภาคเหนือและอีสาน แต่เมื่อนโยบายเปลี่ยนแปลงไปเป็นการให้เอกชนลงทุนทั้งหมด ดังนั้น ความเห็นส่วนตัวจึงเห็นว่า ภาครัฐ ไม่ควรควบคุม ปล่อยให้กลไกทางการค้าดูแลกันเอง เพราะธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจผูกขาด เหมือนกับไฟฟ้า หรือท่อก๊าซฯมีการแข่งขันทั้งท่อน้ำมัน,การขนส่งทางรถยนต์และรถไฟ ที่สำคัญท่อน้ำมันไม่สามารถขนส่งได้ทั่วประเทศ ต่องมีการใช้รถบรรทุกต่อเนื่อง
“เดิมทีนั้นตนเป็นคนเสนอให้ กกพ.เข้ามากำกับดูแล เพราะห่วงว่าจะมีเรื่องการดั๊มพ์ราคาของท่อน้ำมันแล้วจะกระทบต่อผู้ประกอบการขนส่งทางรถยนต์ และหากรถยนต์ไม่ขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการท่อจะขึ้นราคาอีก ก็จะกระทบต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ภาครัฐไม่ได้ลงทุนแล้ว และ กฏหมายแข่งขันทางการค้าตามประกาศใหม่สามารถดูแลได้ดี ก็ควรำให้เกิดการแข่งขันตามกลไกเสรี”นายวิฑูรย์ กล่าว-สำนักข่าวไทย