กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – คปภ.ปรับปรุงตารางมรณะไทยสำเร็จ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2560 ประหยัดค่าเบี้ยประกันชีวิตสูงสุดถึงร้อยละ 35
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) คาดว่าภายในปี 2568 ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้มีผู้สูงอายุมากกว่า 14 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 72 ล้านคนทั้งประเทศ ส่งผลต่อตารางมรณะไทยที่ใช้ในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยที่ผ่านมาจัดทำขึ้น โดยใช้สถิติการรับประกันภัยตั้งแต่ปี 2547 – 2551 มีความล้าสมัยและไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงตารางมรณะไทยให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.รวบรวมสถิติการรับประกันชีวิตมาศึกษาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงตารางมรณะไทย รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจประกันภัย พร้อมกับประชุมหารือแนวทางการปรับปรุงร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และบริษัท Munich Re ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านสถิติ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 จนสำเร็จปีนี้ และเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ในฐานะนายทะเบียนได้ลงนามในคำสั่งนายทะเบียนที่ 57/2560 เรื่องให้ใช้ตารางมรณะไทยปี 2560 โดยตารางมรณะใหม่นี้มีผลบังคับใช้สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยแบบประกันชีวิตที่ยื่นขอรับความเห็นชอบตั้งแต่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากการปรับปรุงตารางมรณะไทยครั้งนี้ ทำให้ประชาชนสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตทั้งประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรมถูกลง เนื่องจากอัตราเบี้ยประกันชีวิตดังกล่าวมีการคำนวณให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันอย่างแท้จริงและทำให้เบี้ยประกันภัยถูกลง เมื่อทำการเปรียบเทียบอัตราเบี้ยประกันภัยที่คำนวณจากอัตรามรณะระหว่างตารางมรณะไทยปี 2560 กับตารางมรณะไทยปี2551 ของเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2554 ในแต่ละแบบประกันภัยของผู้เอาประกันภัยอายุ 0-70 ปี โดยเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักจากจำนวนกรมธรรม์ที่เข้าร่วมเสี่ยงภัยปี 2557 และกำหนดสมมติฐานความคุ้มครองอ้างอิงจากลักษณะความคุ้มครองที่มีโดยทั่วไปในธุรกิจประกันชีวิตใช้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 และอัตราค่าใช้จ่ายขั้นสูงสุดตามที่ประกาศนายทะเบียนกำหนดในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัย
สำหรับภาพรวมกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทสามัญแบบตลอดชีพอัตราเบี้ยประกันชีวิตลดลงประมาณร้อยละ 6 แบบสะสมทรัพย์ลดลงประมาณร้อยละ 1 แบบชั่วระยะเวลาลดลงประมาณร้อยละ 24 และแบบคุ้มครองสินเชื่อลดลงประมาณร้อยละ 35 สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทอุตสาหกรรม แบบตลอดชีพลดลงประมาณร้อยละ 9 แบบสะสมทรัพย์ลดลงประมาณร้อยละ 2 และแบบชั่วระยะเวลาลดลงประมาณร้อยละ 30 เป็นต้น
“เชื่อว่าตารางมรณะไทยใหม่นี้สามารถสะท้อนภาวะสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้บริษัทประกันภัยสามารถคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์มากขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ประชาชนสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้สูงสุดถึงร้อยละ 35” เลขาธิการ คปภ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย
