ญี่ปุ่นจะให้ไทยเป็นประตูภูมิภาคอาเซียน

ระยอง 13 ก.ย. – ญี่ปุ่นระบุสนใจร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมกับไทยในอีอีซีและพื้นที่อื่น  มุ่งหวังให้ไทยเป็น gateway หรือประตูของญี่ปุ่นที่จะออกไปสู่ภูมิภาคอาเซียน ทั้งการค้า คมนาคม และเทคโนโลยี และเป็นศูนย์กลางพัฒนาบุคลากร 



นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงภายหลังนำคณะนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (เมติ) พร้อมคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นกว่า 500 คน ลงพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า การเดินทางมาดูลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน ของคณะรัฐมนตรีเมติ และนักลงทุนญี่ปุ่นครั้งนี้ รัฐบาลใช้โอกาสนี้นำเสนอข้อมูลนโยบายสำคัญการปรับเปลี่ยนประเทศไทยตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ให้นักลงทุนญี่ปุ่นได้รับทราบและการสัมมนา Symposium on Thailand 4.0 towards Connected Industries ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนญี่ปุ่น และการเดินมาเยือนของนักลงทุนญี่ปุ่นครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก  


ทั้งนี้ นายเซโกะ ยังระบุด้วยว่า จากนี้ไปนักลงทุนญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ทั้งโครงการอีอีซีและการลงทุนในพื้นที่อื่น ๆ โดยทางญี่ปุ่นสนใจที่จะร่วมมือกับไทยขับเคลื่อนสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวทาง Connected Industry ที่ญี่ปุ่นมีความชำนาญ และมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็น gateway หรือประตูของญี่ปุ่นที่จะออกไปสู่ภูมิภาคอาเซียนทั้งการค้า การคมนาคม และเทคโนโลยี และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาบุคลากร 

นอกจากนี้ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือสำนักงานอีอีซีจัดทำยุทธศาสตร์หรือโรดแมพให้ชัดเจน โดยเน้นตามอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 10 พร้อมจัดลำดับความสำคัญ และหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้สำนักงานอีอีซี ทำงานร่วมกับนักลงทุนญี่ปุ่น โดยมีองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือเจโทร กรุงเทพฯ และหอการค้าญี่ปุ่นเป็นจุดศูนย์ความร่วมมือหรือ contact point แก่นักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการลงทุนเพิ่มในไทยและที่ต้องการเข้ามาลงทุนใหม่

นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า รัฐมนตรีเมติย้ำอย่างต่อเนื่องถึงนโยบาย Connected Industries พร้อมระบุว่ากิจการของญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทย เช่น โรงงานต่าง ๆ จำเป็นต้องยกระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อโดยจะมีไทยเป็นฮับเชื่อมต่อกับโรงงานอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นลงทุนในอาเซียน และขณะนี้สำนักงานอีอีซี อยู่ระหว่างส่งทีมงานทำงานร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่นหรือไจก้า เพื่อสอบถามความคาดหวังและความเห็นของนักลงทุนญี่ปุ่น 


พลเรือตรีวรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า นักลงทุนญี่ปุ่นและหลายชาติให้ความสนใจโครงการลงทุนของท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 570 คน นับเป็นคณะใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งทางท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้นำเสนอความได้เปรียบเชิงพื้นที่และจุดที่ตั้งท่าอากาศยานและโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาและการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกับท่าอุตสาหกรรมอากาศยานในภูมิภาคนี้ การจะเกิดขึ้นของศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน รวมถึงความสนใจของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของท่าอากาศยานอู่ตะเภา และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะดำเนินการพัฒนาตามแผนการพัฒนาที่ได้วางไว้ที่จะพัฒนาให้เป็นเมืองการบินย่านนี้. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.ไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์

บช.สอท. 29 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์ ด้วยข้อความภาษาอังกฤษ พร้อมติด #TruthFromThailand ร่วมกันสื่อสารให้โลกได้รับรู้ว่าเราไม่ได้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมแพ้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายงานข่าวจากหลายสำนักและบทวิเคราะห์ของนักวิชาการนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้งดังกล่าวกับปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ขอชี้แจงว่า ภารกิจสำคัญของเราคือ การปกป้องประชาชนไทยจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายฟอกเงิน โดยจับกุมผู้ต้องหาที่เข้ามาทางด่านสระแก้วจัมผู้ต้องตามหมายจับ 13 ราย เป็นคดีที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน อีก 7 ราย มีร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาหลอกลวงพี่น้องประชาชน และจะมีกลับเข้ามีอีก 200 กว่านายจะเดินทางกับเข้ามา แต่เมื่อ สถานการณ์ไม่น่ากลัวและทราบว่าจะมีการหยุดยิงจึงไม่เดินทางกับ แต่ยังมีการหลอกลวงทั้งในและต่างประเทศ โดยตลอดปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีต่อเครือข่ายเหล่านี้อย่างจริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงิน การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มทุนสีเทา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกัมพูชา […]

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]