ก.อุตฯ ยืนยันญี่ปุ่นสนใจลงทุนอีอีซี

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมระบุนักธุรกิจญี่ปุ่นสนใจลงทุนในอีอีซี พร้อมยืนยันอุตสาหกรรม 4.0 ไม่ทำให้คนตกงาน แต่อนาคตแรงงานอาจขาดแคลน


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการที่นายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (เมติ) นำคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นมาดูลู่ทางการลงทุนในไทยโดยเฉพาะโครงการระเบียงเศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ขณะนี้พบว่านักธุรกิจญี่ปุนให้ความสนใจถึงโอกาสการลงทุนและความร่วมมือกับภาครัฐและผู้ประกอบการไทย 

ส่วนเม็ดเงินลงทุนจะเข้ามาจริงจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องรอการดำเนินการสืบเนื่องต่อจากไปสักระยะหนึ่ง เพราะการพิจารณาตัดสินใจลงทุนมีขั้นตอนที่จะต้องรอการติดต่อประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ผ่านมามีการลงทุนไปแล้ว เช่น โครงการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริดของบริษัทญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายและการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรม 4.0 และอีอีซี จะเกิดความร่วมมือและกิจกรรมต่อเนื่องไป 


ทั้งนี้ ได้ขอให้รัฐมนตรีเมติตั้งทีมทำงานร่วมกันพิจารณาขั้นตอนการดำเนินการ เช่น อุตสาหกรรม 4.0 การนำ Internet of Things (IOT) มาเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น ระบบโลจิสติกส์ และบิ๊กเดต้า โดยจะทำงานแนวลึก เช่น การเชื่อมโยงเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่นลักษณะพื้่นที่ต่อพื้นที่ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างกันการส่งเสริมให้จับมือกันทำตลาดจะมีขั้นตอนอย่างไร การพัฒนาบุคลากรที่จะเริ่มจากในพื้นที่อีอีซี อย่างโครงการ Flex campus และการพัฒนาบุคลากรสายอาชีพ เป็นต้น 

นายอุตตม กล่าวว่า ทางญี่ปุ่นขณะนี้มุ่งหวังให้ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาห่วงโซ่มูลค่าการผลิตในแนวคิด conneted In dustry และศูนย์กลางพัฒนาบุคลากร ไม่เพียงประเทศไทยสามารถเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาบุคลากรในกลุ่มประเทศ CLMV และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS และกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป ส่วนเรื่องแรงงานไทยที่ขณะนี้มีความเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบจากการนำหุ่นยนต์หรือรีะบบไอทีเข้ามาใช้นั้น จากการหารือเจ้าของโรงงานพบว่า โรงงานที่พัฒนาระบบมีการนำพนักงานไปเพิ่มทักษะและให้ไปทำงานส่วนอื่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่า ซึ่งในส่วนของประเทศไทยความท้าทายที่แท้จริง คือ ในอนาคตแรงงานจะไม่พอ จึงจำเป็นต้องนำเทคโลยี ระบบอัตโนมันและ IOT เข้ามาช่วย

ปัจจุบันนักลงทุนญี่ปุ่นจำนวนมากลงทุนในไทยอยู่แล้ว สำหรับโครงการอีอีซีคาดหวังว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะมีการขยายธุรกิจเพิ่ม เนื่องจากรัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรม 4.0 นำสู่โอกาสใหม่ ๆ และการเดินทางมาเยือนของคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นกว่า 570 คนครั้งนี้ก็จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่เกิดขึ้นตามมาในที่สุด ที่ตัดสินใจลงทุนเพิ่ม เช่น โตโยต้า ฮอนด้า และมิตซูบิชิ เป็นต้น ส่วนมาสด้าผู้บริหารเข้ามาหารือที่กระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว และหารือทีมงานกระทรวงอุตฯ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพราะมีเทคโนโลยีจะผลิตรถยนต์ในอนาคตเป็นยุทธศาสตร์ในเอเชีย จึงสนใจที่จะลงทุนเพิ่มขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหารือ 


ส่วนนักลงทุนรายใหม่ การพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะนักลงทุนญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา นายกรฐมนตรีขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าโครงการขนาดใหญ่ โครงการอีอีซี ที่ต้องการให้มหามิตรอย่างญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนจะมีความต่อเนื่องแน่ เพราะอีอีซี มีการพัฒนากฎหมายขึ้นมารองรับ สำนักงานอีอีซีก็มีกฎหมายรับรอง รวมถึงกฎหมายสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ ส่วนอีกประเภทที่สะท้อนความต่อเนื่องของไทย คือ กฎหมายอำนวยความสะดวกนักลงทุน สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจนักลงทุนได้เพราะมีกฎหมายรองรับ นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายให้หน่วยงานรัฐบาลไทยต้องอำนวยความสะดวก หรือ Ease of doing business ด้วย รวมถึงมีกฏหมายยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปีที่แม้เปลี่ยนรัฐบาลก็จะต้องดำเนินการต่อไป การจะเปลี่ยนนโยบายไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย 

นายคณิต  แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า การลงทุนในอีอีซี ที่ระบุว่าสำนักงานอีอีซี คาดว่าร้อยละ 80 เป็นการลงทุนโดยภาคเอกชนนั้น ยืนยันว่าจะมีการดูแลนักลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน โดยในส่วนโครงสร้างพื้นฐานจะเปิดประมูลลักษณะ PPP โดยเปิดประมูลทั่วโลกมีนักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้า พัฒนาท่าเรือ และพัฒนาสนามบิน อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศเปิดรับการลงทุนจากทุกชาติไม่เฉพาะญี่ปุ่นเท่านั้น การที่นักลงทุนชาติอื่นจะเข้ามาลงทุนมากขี้นกว่าญี่ปุ่นนั้น ขณะนี้เริ่มมี เช่น ธุรกิจอากาศยาน โดยเป็นนักลงทุนจากสหรัฐและนักลงทุนจากสหภาพยุโรป ซึ่งให้ความสนใจเข้ามาลงทุนแล้วไม่เฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีนเท่านั้น ส่วนที่ 2 การลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สำนักงานอีอีซี หวังว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มนักลงทุนหลัก และจากการรับฟังนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น พบว่าตามนโยบาย conneted In dustry ของรัฐบาลญี่ปุ่น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมญี่ปุ่นจะมีการเชื่อมโยงการผลิตทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยเทคโนโลยีดิจิท้ล ดังนั้น โรงงานผลิตของญี่ปุ่นในประเทศไทยน่าจะดำเนินการเช่นกัน นอกจากนี้ เครือ SCG ยังจะมีการลงทุนกับทางญี่ปุ่น และการลงทุนด้านท่องเที่ยว  ทางญี่ปุ่นจะมีบทบาทมาก  ขณะนี้สำนักงานอีอีซี ได้ขอให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่นทำการศึกษาว่าการลงทุนในอีอีซี นักลงทุนญี่ปุ่นได้ประโยชน์อะไร นักลงทุนต้องการอะไร และแผนที่จะร่วมกันกับไทยพัฒนาโครงการ EECD และโครการ EECI นอกจากนี้ ยังมีการลงนามกับฮิตาชิ ทำ BIG DATA

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมของ บมจ. อมตะคอร์ปอเรชัน ได้รับการยกระดับโดยปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับขยายพื้นที่ใหม่ในลักษณะสมาทซิตี้บนพื้นที่ 19 ตารางกิโลเมตร โดยร่วมกับสถาบันวิจัยญี่ปุ่น  เพื่อรองรับโรงงานญี่ปุ่นในนิคมฯและที่อยู่ใกล้ ๆ กับประเทศไทย สำหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ร้อยละ 60 เป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ ยังร่วมกับฮิตาชิสร้างสมาทแฟกตอรี  ระยะยาวนิคมอุตสาหกรรมอมตะหวังให้มีการตั้งโรงงานญี่ปุ่นในสมาร์ทซิตี้ 1,000 โรง ตอนนี้มี 700 โรงงาน แบ่งเป็นโรงงานด้านวิจัยและพัฒนาประมาณ 50 โรงงาน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย