เจโทรแนะไทยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

กรุงเทพฯ  12 ก.ย. – เจโทรแนะไทยพัฒนาบุคลากร กระทรวงพาณิชย์พร้อมอำนวยความสะดวกการค้าและเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนในกลุ่มประเทศอาเซียน 


กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย จัดสัมมนา Symposium on Thailand 4.0 towards Connected Industries เพื่อนำเสนอโอกาสความร่วมมือภาครัฐภาคเอกชน 

นายฮิโรยูกิ อิชิเกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กล่าวว่า ประเทศไทยและญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างมาก ที่ผ่านมาเจโทร จัดงานซิมโปเซียมและเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปเยือนที่กรุงโตเกียว ได้รับความสนใจมีนักธุรกิจร่วมงาน 1,000 คน และงานวันนี้ก็เช่นกันนักธุรกิจญี่ปุ่นให้ความสนใจมากในการจัดงานเนื่องในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบ 130 ปีความสัมพันธ์ ไทย-ญี่ปุ่น ที่ผ่านมานักธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนในไทยคิดเป็นมูลค่า  71,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดในไทย และมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยถึง 5,000 บริษัท มากที่สุดในโลก แต่ขณะนี้ไทยอยู่ในจุดเปลี่ยน จากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลง โดยมีอัตราการเกิดต่ำและมีสัดส่วนประชากรที่เป็นผู้สูงวัยมากขึ้น ทำให้ไทยประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ส่งผลให้ในสายตาญี่ปุ่นประเทศเวียดนามผงาดขึ้นมา ซึ่งนักธุรกิจญี่ปุ่นเห็นถึงความคลุมเครือที่เกิดขึ้น และลดการลงทุนเซ็คเตอร์หลักในไทย


ทั้งนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นเห็นว่าจำเป็นต้องพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีระดับการพัฒนาที่สูงขึ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างทางแยกที่สำคัญ ขณะที่รัฐบาลไทยออกนโยบายประเทศไทย 4.0 และมีโครการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี และประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการส่งออกสำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น นักลงทุนควรที่จะต้องย้ายการผลิตสินค้าทั่วไปไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไทยควรเป็นฐานการผลิตผลิตภัณฑ์หรือชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูง แต่จะทำได้หรือไม่ จะมีปัญหาอะไรนั้น เรื่องที่จะต้องทำ เช่น  ต้องพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งทางบริษัทญี่ปุ่นในไทยแจ้งเจโทรว่า กิจการที่ลงทุนในไทยมักมีปัญหาเรื่องการจ้างบุคลากร โดยไทยประสบปัญหานี้เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น ไทยจะต้องเดินหน้าเสริมสร้างด้านบุคลากร ซึ่งแน่นอนว่าระยะสั้นต่างชาติเข้ามาให้การช่วยบ่มเพาะในไทยได้ โดยอาศัยศูนย์วิจัยและพัฒนาในอีอีซี  ทั้งนี้ ในส่วนของนักธุรกิจญี่ปุ่นต้องการให้ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งไทยจะต้องเชื่อมโยงแหลมฉบับไปยังท่าต่าง ๆ และด้านพิธีการศุลกากร จะต้องมีความสะดวก โดยต้องการเห็นรูปแบบเปเปอร์เลสหรือระบบไร้กระดาษ ประเทศไทยต้องแก้ปัญหาเหล่านี้่

นายอิชิเกะ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นจะสร้างนวัตกรรมใหม่ โดยร่วมกันระหว่างบริษัทไทยและญี่ปุ่น เช่น คอนเน็ตเต็ดอินดสตรี ซึ่งจะเริ่มนำร่องจาก 4 บริษัท ที่ได้มีข้อตกลงกันแล้วในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยจะเป็นโครงการนำร่องและจะเป็นกุญแจสำคัญกำหนดอนาคตที่สดใสและการจัดการจับคู่ธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น จะมีมากขึ้น ด้านการพัฒนาบุคลากร ทางญี่ปุ่น จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยสร้างบุคลากรในไทย สุดท้ายเพื่อให้คณะกรรมการอีอีซี ทำงานดียิ่งขึ้น ทางญี่ปุ่นจะตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาอีอีซี ในเจซีซี กรุงเทพ  ทั้งนี้ อยากให้ไทยรับฟังคำร้องขอของนักธุรกิจญี่ปุ่นเรื่องการให้คำมั่นสัญญาที่แข็งแกร่งจากรัฐบาลไทยและหวังว่าการสัมมนาวันนี้จะเชื่อมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งการจับคู่ธุรกิจจะช่วยสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้น

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่นายรัฐมนตรีแจ้งนักลงทุนญี่ปุ่น เพื่อให้ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ลดความผันผวน สามารถก้าวทันโลก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 ทั้งนี้ ประเทศไทยและญี่ปุ่นตกลงร่วมกันดำเนินการ 3 เรื่อง คือ  1.การร่วมกันขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งประเทศไทยกำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเป็นหัวจักรใหม่ทางเศรษฐกิจของไทย  2.ไทยและญี่ปุ่นจะร่วมกันพัฒนาเอสเอ็มอี โดยมีการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสนับสนุนโดยใช้จุดเด่นของไทย เพื่อร่วมกันเข้าถึงตลาดใหม่ในภูมิภาคนอกจากประเทศของตัวเอง ตามแนวทางอุตสาหกรรม 4.0 และคอนเน็ตเต็ดอินดัสตรี ซึ่งจะนำโอกาสร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศอย่างมากและก้าวออกไปสู่ตลาด CLMV และออกสู่ตลาดโลกต่อไป


3. ร่วมกันพัฒนาอีอีซี ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลไทย ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลายประเทศ ซึ่งคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เดินทางมาใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีโอกาสร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายร่วมกัน รวมถึงพัฒนาสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมสุขภาพ การดูแลผู้สูงวัย รถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการแพทย์ และยังมีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โดยการลงทุนโครงการหลัก 4 โครงการ จะเริ่มรูปธรรมปีหน้า โดยการลงทุนในอีอีซี จะมีวงเงินรวม  43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 5 ปีนับจากนี้ไป โดยร้อยละ 80 เป็นการลงทุนจากภาคเอกชน ที่เหลือร้อยละ  20 เป็นการลงทุนโดยภาครัฐภายใต้รูปแบบพีพีพีแต่ละอุตสาหกรรม  นอกจากนี้ ไทยและญี่ปุ่นยังจะร่วมกันพัฒนาบุคลากรเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่จะมีการลงทุนในพื้นที่อีอีซี รวมถึงงานวิจัยอีกด้วย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่คณะนักธุรกิจญี่ปุ่นเดินทางมาไทยรวม 429 บริษัท รวม 588 ราย และสื่อมวลชน 22 ราย เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นในโอกาสครบรอบ 130 ปีความสัมพันธ์สองประเทศในวันที่  26 กันยายนนี้ และข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นหรือเจเทปา ที่จะครบรอบ  10 ปี วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เช่นกัน สำหรับการเยือนของคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้แนบแน่น ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงการอำนวยความสะดวกการค้า จึงปรับปรุงระเบียบการค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักธุรกิจ และจะเป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจต่อไป สำหรับช่วงการสัมมนาวันนี้นักธุรกิจไทยและญี่ปุ่น 1,200 ราย จะได้พบปะหารือกันแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันและมิตรภาพที่ยาวนาน กระทรวงพาณิชย์พร้อมเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการค้า การลงทุนในกลุ่มประเทศในอาเซียนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]

กต. ลั่นจะพูดคุยกัน เขมรต้องจริงใจก่อน ซัดพูดอย่างทำอย่าง แถมบิดเบือน

กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.ค.- กต. ขีดเส้นใต้ จะพูดคุยกันได้ “เขมร” ต้องจริงใจก่อน “นิกรเดช” ซัดพูดอย่างทำอย่าง นอกจากใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังใช้โบราณสถานกำบังด้วย แถมบิดเบือน-สร้างข้อมูลเท็จ ผู้เชี่ยวชาญยังรู้เป็นภาพเก่า รับทราบพรุ่งนี้ “ภูมิธรรม” บินคุย “ฮุน มาเนต” หลัง “ทรัมป์” ต่อสายคุย เผย “มาริษ” ร่อนแล้ว เอกสารถึง UNICEF-OHCHR ยันกัมพูชาเริ่มก่อน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อเสนอหยุดยิงตามที่หลายท่านคงทราบอยู่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยเราได้ย้ำมาโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังว่าจะเห็นความตั้งใจจริงจากกัมพูชา ในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมจะหารือด้วย เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนอย่างสันติและยั่งยืน นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า การโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังกัมพูชาบนแผ่นดินไทยเหตุการณ์เมื่อคืน กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอีกครั้ง […]

ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ หลังกัมพูชายิง BM-21 ตกฝั่งไทย

27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. […]