กองทัพบก 11 ก.ย.-ที่ประชุมสำนักเลขาธิการ คสช. พร้อมสนับสนุนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กำชับทุกส่วนงานซ้อมภารกิจในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างรอบคอบ เรียบร้อย และสมพระเกียรติ สั่ง กกล.รส.ชายแดนเฝ้าระวังโรฮิงญาหนีเข้าเมือง
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า วันนี้ สำนักเลขาธิการ คสช. ยังคงจัดการประชุมเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานในรอบสัปดาห์ โดยมี พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุม ซึ่งให้ความสำคัญกับการเตรียมสนับสนุนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในทุกมิติ โดยขณะนี้ทุกส่วนงานกำลังอยู่ระหว่างการซักซ้อมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย
“รองเลขาธิการ คสช.ได้กำชับให้ดำเนินการซักซ้อมอย่างรอบคอบให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยที่ต้องกำกับดูแลให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของการสมัครเข้าร่วมงานโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจ ช่วงงานพระราชพิธี ทั้งในส่วนของข้าราชการและประชาชน ขอให้ร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีในวาระอันสำคัญยิ่ง” รองโฆษก คสช.กล่าว
รองโฆษก คสช. กล่าวอีกว่า รองเลขาธิการ คสช.ยังได้กล่าวถึงงานที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดระเบียบรถบริการสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว, การแก้ไขปัญหารุกล้ำพื้นที่สาธารณะคลองลาดพร้าว ชุมชนป้อมมหากาฬ, การเร่งกำจัดผักตบชวา ปรับปรุงแหล่งน้ำ และสนับสนุนการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ ภารกิจเหล่านี้เป็นสิ่งที่ คสช.ให้ความสำคัญ เพราะช่วยแก้ไขปัญหาของสังคมและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน และได้กำชับให้คงระดับมาตรฐานการปฏิบัติงาน กำกับดูแลไม่ให้มีการแสวงประโยชน์ในทางมิชอบ เพื่อให้งานจัดระเบียบสังคมในลักษณะดังกล่าวเกิดความมั่นคงในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนนี้ การเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์อุทกภัย หรือการป้องกันและรับมือกับปริมาณน้ำจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้ความรวดเร็วเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ขอให้ทุกส่วนร่วมกันบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
“รองเลขาธิการ คสช.ได้กำชับให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานให้เข้มแข็ง มีการหมุนเวียนกำลังพลไม่ให้เกิดการอ่อนล้า ระมัดระวังการเคลื่อนย้ายหน่วยให้เป็นไปตามหลักการ มีความปลอดภัย และที่สำคัญขอให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนและจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานด้วย ส่วนงานด้านความมั่นคงในภาพรวม ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ อาทิ คาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะกองกำลังชายแดน ขอให้เข้มงวดในมาตรการลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ที่อาจมีผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือมีผู้โยกย้ายถิ่นฐานทางทะเลอย่างไม่ปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย รวมทั้งการติดตามเรื่องร้องเรียนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ภายใต้กลไกการคลี่คลายปัญหาของส่วนราชการในแต่ละจังหวัด” รองโฆษก คสช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย