รู้จัก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ช่วยผู้มีรายได้น้อย ใช้ที่ไหน-ทำอะไรได้บ้าง?

อสมท 7 ก.ย.-ภายหลังรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับสวัสดิการตาม “โครงการประชารัฐสวัสดิการ การช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน


ยอดประชาชนที่มาลงทะเบียนเป็น “ผู้มีรายได้น้อย” ทั้งหมด 14,176,118 คน จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่าส่วนใหญ่จบการศึกษาต่ำกว่า ป.6  มีถึง 5,777,702 คน รองลงมาเป็นผู้ที่จบ ป.6 มีอยู่ 3,075,817 คน ส่วนที่จบชั้น ม.3 มีจำนวน 1,572,943 คน จบชั้น ม.6 จำนวน 1,410,373 คน ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้เรียนหนังสือมีถึง 1,233,691 คน


ขณะที่ผู้ลงทะเบียนที่มีการศึกษาสูงกว่า ปวช.ขึ้นไป แบ่งเป็นผู้ที่จบระดับ ปวช.-ปวส. 568,730 คน ระดับอนุปริญญา 77,274 คน ระดับปริญญาตรีมีถึง 359,543 คน ซึ่งส่วนใหญ่จบมาแล้วยังว่างงานอยู่ เป็นที่น่าสังเกตคือ ยังมีผู้ที่จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมาลงทะเบียนถึง 6,508 คน คือ ผู้ที่จบระดับปริญญาโทมาลงทะเบียนถึง 5,810 คน และจบระดับปริญญาเอก แต่ก็ยังมาลงทะเบียนถึง 698 คนทีเดียว ทั้งหมดกว่า 14 ล้านคนนี้ ไม่ระบุวุฒิการศึกษาในเอกสารถึง 93,537 คน

จากที่ลงทะเบียนไว้ ตรวจสอบประวัติต่างๆ และระดับรายได้แล้ว ตัดสิทธิไปราว 2.5 ล้านคน เพราะมีรายได้และทรัพย์สินเกิน 100,000 บาท แม้บางคนเป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ที่มาลงทะเบียน แต่เมื่อคุณสมบัติตรงตามระเบียบ รายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน ก็ได้รับสิทธิ เหลือผู้ที่มีคุณสมบัติตรง เป็นผู้มีรายได้น้อยรวม 11.67 ล้านคน


งบ “กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินไปแล้ว 50,000 ล้านบาท ใช้ไปกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 41,940 ล้านบาท/ปี หรือเฉลี่ย 3,615 ล้านบาท/เดือน

แบ่งเป็น 1) วงเงินรายเดือนเพื่อซื้อสินค้า มี 2 ระดับตามรายได้ ดังนี้ ผู้มีรายได้มากกว่า 30,000-100,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาท/เดือน หรือ 2,400 บาท/ปี ส่วนผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาท/เดือน หรือ 3,600 บาท/ปี

วงเงินส่วนนี้ใช้ได้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าชุมชนกองทุนหมู่บ้าน และร้านที่ขึ้นทะเบียนกระทรวงพาณิชย์ไว้ ส่วนความกังวลการรูดซื้อเหล้า-บุหรี่นั้น กรมบัญชีกลางขอความร่วมมือ “งดจำหน่าย” เหล้า เบียร์ และบุหรี่ เพราะถือว่าเป็น “สิ่งไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ”

ตามแนวทางของ “ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ” จะจำหน่ายสินค้าแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน อุปกรณ์เครื่องเขียน และสินค้าปัจจัยการเกษตร เช่น ปุ๋ย อุปกรณ์เกษตร เท่านั้น ขณะนี้มีร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว 4,506 แห่ง โดยจังหวัดที่มีร้านค้าเข้าร่วมมากที่สุด คือ อุดรธานี 315 แห่ง อุบลราชธานี 155 แห่ง ลำพูน 149 แห่ง และพิษณุโลก 123 แห่ง ร่านเหล่านี้จะมีสติกเกอร์ติดไว้ที่หน้าร้าน พร้อมเครื่องชำระเงินอัตโนมัติ (EDC) ไว้ตัดยอดเงินในบัตร โดยรัฐบาลจะชำระค่าสินค้าแทนผู้ถือบัตรให้ร้านค้าเป็นรายวัน โอนเงินเข้าบัญชีภายใน 3 วัน

บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ยังมีวงเงินส่วนที่ 2) คือ วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้ากระทรวงพลังงาน 45 บาท 3 เดือน วงเงินที่ 3) วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. จำนวน 500 บาท/เดือน วงเงินที่ 4) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน 500 บาท/เดือน วงเงินที่ 5) วงเงินส่วนลดค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน

ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 15 กันยายนนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนไว้สามารถตรวสอบรายชื่อว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ที่เว็บไซต์ www.epayment.go.th หากมีรายชื่อก็รอรับบัตรได้เลย โดยจะมี 2 แบบ คือ แบบ 1 ชิป และ 2 ชิป โดยทั่วไปจะเป็นบัตร 1 ชิป ที่จะแจกจ่ายไปยังผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ

มาตรการครั้งนี้จะไม่รวมถึงการช่วยเหลือเรื่องค่าไฟฟ้าและน้ำประปา วงเงินทุกประเภทของบัตร หากแต่ละเดือนใช้ไม่หมดก็ไม่สามารถสะสมไปเดือนหน้าได้ เมื่อเต็มวงเงินก็ต้องรอเดือนถัดไป วงเงินในบัตรจะเข้ามาทุกวันที่ 1 ของเดือน ถ้า “บัตรหาย” เสียเงินค่าธรรมเนียมทำบัตรใหม่ โดยบัตร 1ชิป ค่าธรรมเนียม 50 บาท ส่วนบัตร 2 ชิป เสียค่าธรรมเนียม 100 บาท

ส่วนบัตร 2 ชิป คาดว่าจะใช้กับวงเงินส่วนที่ 4 และ 5 แจกให้ผู้มีรายได้น้อย ในกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ที่มีอยู่ประมาณ 1,370,000 คน เพื่อใช้กับบริการรถเมล์และรถไฟฟ้า ที่มีวงเงิน 500 บาท/เดือน แต่จะไม่สามารถเติมเงินลงไปในบัตรได้ หากเดินทางบ่อยครั้งอาจต้องมี “บัตรแมงมุม” แยกต่างหาก ซึ่งระบบตั๋วร่วมนี้ยังต้องรอความชัดเจนการหารือของกระทรวงคมนาคมกับหน่วยงานที่จะให้บริการตั๋วร่วมอีกครั้ง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการใช้งานระหว่างบัตรสวัสดิการและบัตรแมงมุมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม สศค.มีความเป็นห่วงว่าเงิน “กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก” เดิมมีอยู่ 46,000 ล้านบาท จะเหลือเพียง 5,000 ล้านบาท โดยงบประมาณราว 41,900 ล้านบาท ถูกใช้ไปในโครงการระยะแรกนี้ จำเป็นต้องเพิ่มเงินกองทุน เพื่อใช้กับโครงการในระยะที่ 2 หลังเดือนตุลาคมไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือผู้รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ผ่านการจัดฝึกอบรมสร้างอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

ทหาร-ตร.วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว 10 มิ.ย. – ทหารพราน-ตำรวจ วางกำลังแน่นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพิ่มความเข้มงวดลาดตระเวน-ตั้งจุดตรวจคัดกรอง ขณะที่ตลาดโรงเกลือยังเปิดทำการ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ด้านชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ เริ่มคลายกังวล ออกทำไร่ทำสวน ใช้ชีวิตปกติ บรรยากาศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ยังคงเคร่งครัดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 12-13 ตชด. จัดกำลังออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบตามแนวถนนสีเพ็ญ เส้นทางที่เชื่อมชายแดนไทยกับกัมพูชา ใกล้ตลาดโรงเกลือ จุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการวางกำลังแน่นหนา แต่ในช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.) ตลาดโรงเกลือยังคงเปิดทำการตามปกติ พ่อค้าแม่ค้านำสินค้านานาชนิดมาวางขาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ทั่วไป มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรวมยังค่อนข้างเงียบเหงากว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความวิตกของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัย หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางการมีการปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน ส่งผลให้การเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรดานักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังคงรู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดน […]

ปิดตำนาน “บิ๊กสุ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี นอกจากบทบาททางการทหารแล้ว พล.อ.สุจินดา ยังมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองไทย.-สำนักข่าวไทย

จ่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน “พญ.” แอบอ้างสั่งยานอนหลับ

10 มิ.ย.- จ่อสั่งแพทย์หญิงคนดัง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกจับกุม แอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ พบก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมเอี่ยวจีนเทา กรณีตำรวจ ปส. และ อย. เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึงแพทย์หญิงคนดัง พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียนแพทย์หญิงคนดังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้ ล่าสุดชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่า แพทย์หญิงคนดัง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่า หากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง […]

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]