รัฐสภา 7 ธ.ค.- เลขาธิการสภาบันพระปกเกล้า ยืนยันงานวิจัยถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่ได้หวังผลการเมือง ชี้ควรนำเสนอให้ครบถ้วนทุกประเด็น แนะทุกฝ่ายรวมทั้งพรรคการเมืองหยิบไปใช้ได้อย่างสร้างสรรค์ อยากเห็นพรรคการเมืองทำการเมืองเพื่อบ้านเมือง ยืนยันเดินหน้าทำวิจัยต่อทุกปี
นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย”ถึงกรณีที่สถาบันฯเผยแพร่ผลสำรวจความน่าเชื่อถือในด้านต่าง ๆ รวมถึงความเชื่อถือในตัวนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองว่า เป็นการทำงานวิจัยทางวิชาการที่ทำมาทุกปี แต่ในปีนี้เผยแพร่ในวันสถาปนาสถาบัน ซึ่งเป็นงานวิจัยทางวิชาการที่สำรวจโดยร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีการสุ่มตัวอย่างจากตัวแทนที่แท้จริงถึง 33,000 กว่าคน จากประชาชนที่อายุเกิน 18 ปี จึงค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นตัวแทนที่แท้จริง
เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การเสนอเพื่อให้ทุกคนพอใจคงทำได้ยาก แต่ประเด็นสำคัญคือควรนำเสนอเรื่องที่สถาบันได้ทำวิจัยอย่างครบถ้วนว่าสิ่งที่สถาบันนำเสนอและเป็นหัวใจสำคัญ คือความเชื่อมั่นต่อกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร เช่นความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบศาลยุติธรรมในวันนี้ยังสูงมาก ในขณะที่ขององค์กรอิสระอื่น ๆ จะเปลี่ยนแปลงไป หรือเราเสนอว่า 5 นโยบายแรกที่ประชาชนพึงพอใจในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวสะท้อนสังคม และหากเรานำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาว่าเมื่อประชาชนคิดอย่างนี้ เราจะปรับปรุงอย่างไร จะเป็นการสร้างสรรค์
“ความจริงการสำรวจเราทำช่วง 24 เม.ย.ถึงประมาณกลางเดือนพ.ค. และเราได้ประมวลข้อมูลในเบื้องต้นออกมา ยังไม่ใช่รายงานฉบับสมบูรณ์ เพราะรายงานฉบับสมบูรณ์เราทำแยกแยะเป็นรายจังหวัดในทุกประเด็น เช่นนโยบายเรื่องนี้ จังหวัดใดพอใจ ไม่พอใจอย่างไร เราทำเป็นแมปปิ้งเลย และส่งให้เป็นเล่มหนา และถ้าไปดูแนวโน้มความเชื่อมั่นของพรรคการเมืองในทุกปี ก็จะอยู่ท้าย ๆ และผมคิดว่าเป็นธรรมชาติ แม้กระทั่งองค์กรภาคเอกชน ก็ได้รับความเชื่อถือน้อย แต่สิ่งสำคัญเราไม่ได้จงใจบอกว่าใครเป็นใคร และในต่างประเทศ เขาก็ทำกันเยอะในงานวิจัยแบบนี้ และคิดว่าแต่ละฝ่ายถ้าคิดจะพัฒนาปรับปรุง ก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปพัฒนาตัวเอง เราส่งให้หมด รวมทั้งพรรคการเมืองทุกพรรค”นายวุฒิสาร กล่าว
นายวุฒิสาร กล่าวว่า แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทางสถาบันพระปกเกล้ายังเดินหน้าทำงานวิจัยเรื่องความเชื่อมั่นต่าง ๆ ต่อไป โดยชุดคำถามที่ใช้วัดความเชื่อมั่นขององค์กร จะเป็นคำถามชุดเดียวกันตลอดเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง จะเปลี่ยนในเรื่องของประเด็นนโยบาย ที่แล้วแต่ว่ารัฐบาลใด ห้วงใดใช้นโยบายอะไร ก็จะวัดนโยบายที่เป็นที่สนใจของประชาชนในห้วงเวลานั้น และในวันนี้อยากเห็นพรรคการเมืองทำการเมืองเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ทำการเมืองเพื่อการเมืองเพียงอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย