“วุฒิสาร” แจง ผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้าเป็นข้อมูลทางวิชาการ

รัฐสภา 8 ก.ย. –  “วุฒิสาร” แจง ผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้า เป็นข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการปรับปรุง  ไม่ได้เปรียบเทียบความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรี   ชี้ ทุกฝ่ายควรปฏิรูปตัวเอง

นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะประเด็นความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี ว่า  การทำงานครั้งนี้ไม่ใช่การทำโพล เพราะสถาบันพระปกเกล้าทำโครงการสำรวจความพึงพอใจต่อบริการสาธารณะของรัฐ ซึ่งจัดทำทุกปี ตั้งแต่ปี 2545 โดยร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ 

นายวุฒิสาร กล่าวว่า เป็นการสุ่มตัวอย่างทุกจังหวัดทุกภาค โดยสำรวจ 3 เรื่องใหญ่คือ 1.นโยบายของรัฐบาลแต่ละปี เพื่อดูว่าประชาชนพอใจหรือไม่พอใจนโยบายใด ของรัฐบาลบ้าง  2. ความเชื่อมั่นต่อองค์กร เช่น องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และ 3. ความพอใจต่อการรับบริการสาธารณะ ซึ่งข้อมูลที่ได้ จะนำมาจัดทำแผนที่ประเทศไทย ว่าแต่ละจังหวัดประชาชนคิดอย่างไร เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปศึกษาข้อมูล 

“การสำรวจข้อมูลของสถาบันพระปกเกล้า จึงเป็นข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงแก้ไข เป็นการสร้างสรรค์บ้านเมือง” นายวุฒิสาร กล่าว

ส่วนที่เกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างผู้นำประเทศในผลสำรวจนั้น นายวุฒิสาร กล่าวว่า เป็นการเทียบกันของผู้ที่ตั้งคำถาม ยืนยันว่าในงานวิจัยไ ม่มีการเทียบเคียงว่า รัฐบาลไหนใครได้รับความนิยมกว่าใคร มีเพียงการอธิบายบริบทงานวิจัย ปี 2560

“การจะอธิบายเหตุผล ขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายจะหยิบอะไรมา หลายคนมาบอกว่า เราไปนำชื่อนายกรัฐมนตรี 6 คนมาเปรียบเทียบ แล้วมาบอกว่าพอใจใครนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ต้องทำความเข้าใจว่า ไม่ได้มีการสำรวจ และไม่ได้มีคำถามประเด็นนี้เลย ดังนั้น ผลลัพธ์ในแต่ละปี แต่ละรัฐบาลมีความเกี่ยวโยงกัน” นายวุฒิสาร กล่าว

เมื่อถามว่า ผลสำรวจจะทำให้ส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งหรือไม่ นายวุฒิสาร กล่าวว่า การสำรวจไม่สามารถเทียบกันได้ แต่เมื่อโยงแบบนั้นเมื่อใด ก็เป็นการสร้างปัญหา วันนี้สื่อมวลชนต้องเข้าใจหลักการ ต้องนำเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่การเสนอความเห็น และที่สำคัญคือ การนำเสนอที่สร้างสรรค์

ส่วนที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)  ระบุว่า ผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้าครั้งนี้ ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม  นายวุฒิสาร กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสังคมแล้ว ส่วนใครจะเข้าใจอย่างไร แปลความอย่างไร ก็เป็นสิทธิแต่ของละคน   ไม่ขอตอบโต้ใคร แต่หากจะให้เกิดความเป็นธรรม ก็ต้องไปดูเนื้อหาของงานวิจัยนี้ด้วย

“วันนี้สถาบันพระปกเกล้าทำหน้าที่ ภายใต้การกำกับของประธานรัฐสภา มียุทธศาสตร์ มีการรายงานผลต่อรัฐสภาทุกปี ดังนั้น การจะบอกว่า ให้ปฏิรูปตัวเองนั้น สถาบันก็ตระหนัก และปรับปรุงการทำงานอยู่ตลอด และคิดว่าทุกฝ่ายต้องปฏิรูปตัวเองด้วย” นายวุฒิสาร กล่าว   .- สำนักข่าวไทย