เสวนาสอบสวนคดีอาญาชี้ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด

ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ 5 ก.ย.-เวทีเสวนาสอบสวนคดีอาญา : ใครได้ใครเสีย ชี้ ต้องปฏิรูปทั้งกระบวนการยุติธรรมเริ่มจากศาลชั้นต้น ไม่ใช่ปฏิรูปเฉพาะตำรวจ  


คณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดงานเสวนาวิชาการเรื่อง “สอบสวนคดีอาญา : ใครได้ใครเสีย” โดยนายคณิต ณ นคร ที่ปรึกษาคณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ กล่าวว่า การปฏิรูปต้องพูดถึงการปฏิรูปทุกองค์กร สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด เคยพูดว่า หากสวะลงไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาต้องรีบตักขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลลงทะเล สำหรับการปฏิรูป ต้องปฏิรูปทั้งกระบวนการยุติธรรม ต้องปฏิรูปทั้งอัยการและศาลด้วย ไม่ใช่ปฏิรูปเฉพาะตำรวจ เพราะทุกองค์กรมีปัญหาเรื่องงานบริหารงานบุคคล 

นายคณิต กล่าวว่า เบื้องต้นต้องปฏิรูปศาลชั้นต้นก่อน แล้วตามมาด้วยการปฏิรูปอัยการและตำรวจ ที่ผ่านมาสังคมไทยไม่เคยสงบ ยิ่งจำเป็นต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หากกล่าวถึงภารกิจของตำรวจคือการดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ช่วยเหลืออัยการ นิยามเรื่องการสืบสวนแสดงถึงภารกิจของตำรวจอย่างเด่นชัดในการดูแลความสงบสุขเรียบร้อย ซึ่งจะเป็นเรื่องของกฎหมายของตำรวจ ส่วนหน้าที่ช่วยเหลืออัยการเป็นเรื่องของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และภารกิจนี้ต้องร่วมมือกับพนักงานอัยการ ต้องติดต่อกับอัยการตลอด ดังนั้น จึงต้องปฏิรูปอัยการด้วย


“สำหรับการสอบสวนคือการหาความจริงที่เกิดขึ้น เราต้องคิดกันใหม่ การตรวจสอบความจริง ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด ผมคิดว่าความรับผิดชอบตกอยู่ที่อัยการ อัยการต้องรับผิดชอบในความถูกต้องของข้อกฎหมาย และในคดีอาญาต้องทำให้ละเอียด  ต้องตรวจสอบความจริงแท้ของเรื่อง ที่จริงแล้วการตรวจสอบความจริงเป็นหน้าที่ของศาลด้วย” นายคณิต กล่าว

นายคณิต กล่าวว่า กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นกฎหมายที่อำนวยความยุติธรรม ไม่ใช่กฎหมายที่พูดถึงแต่เรื่องอำนาจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มี 2 มิติ เป็นกฎหมายรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิ์ ก่อนหน้านี้ ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า การนำผู้ต้องหามาออกข่าวเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเคยกล่าวไว้แล้ว เพราะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ทั้งนี้ ราชการไทยต้องวางนโยบายและกล่าวถึงภารกิจขององค์กรที่ชัดเจน และต้องปฏิรูปการบริหารงานบุคคล ตลอดจนสวัสดิการของตำรวจด้วย หากจะปฏิรูปจึงต้องยึดภารกิจก่อน เมื่อกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ประชาชนจะได้รับการตอบสนองที่ดี การจะพูดถึงกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนด้วย

ด้านพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า ในสมัยรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ได้ดำเนินกระบวนการปฏิรูปตำรวจมาก่อน โดยรับฟังความคิดเห็นทั้งจากตำรวจและประชาชนทั่วประเทศ ผลของการทำงานได้เอกสารหลายเล่มพิมพ์แจกจ่ายทั่วทุกจังหวัด คณะกรรมการที่ปฏิรูปตำรวจในขณะนั้นเสนอให้ออกกฎหมายสองฉบับ คือการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ โดยส่วนใหญ่แก้ไขด้านโครงสร้างของตำรวจ 


“เสนอให้นำงานที่ไม่ใช่งานของตำรวจออกไปจากตำรวจให้หมด เช่น งานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจป่าไม้ เป็นต้น ทั้งยังเสนอให้ความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวนมากขึ้น โดยให้พนักงานสอบสวนมีตำแหน่งสูงขึ้น ไม่ใช่ยึดติดแค่ระดับผู้กำกับการ แต่ให้เติบโตในสายของตนเองไปดำรงตำแหน่งถึงผู้บัญชาการได้ เพื่อป้องกันฝ่ายอื่นมีอิทธิพลเหนือพนักงานสอบสวนได้ แต่สุดท้ายร่างกฎหมายนี้ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการสอบสวนอิสระพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ เนื่องจากที่ผ่านมาการสอบสวนตำรวจด้วยกันเอง มักจะมีผลเข้าข้างตำรวจด้วยกันเองและลงโทษสถานเบา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จเช่นกัน” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว

พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า วานนี้ (4 ก.ย.) คณะอนุกรรมการปฏิรูปตำรวจของรัฐบาลได้มาทาบทามเพื่อไปพูดคุยเรื่องปฏิรูปตำรวจด้วย ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า ระบบสอบสวนที่มีในปัจจุบันยังสามารถดำเนินการได้ แต่อาจต้องปรับปรุงบางส่วนคือพนักงานสอบสวนมีจำนวนน้อย ขณะที่มีคดีจำนวนมาก พนักงานสอบสวนจึงไม่เพียงพอต่อคดี พนักงานสอบสวนจึงต้องใช้วิธีเลือกพิจารณาคดีก่อนหลัง เป็นเหตุให้มีคดีค้างอยู่จำนวนมาก 

“ที่สำคัญ เมื่อไม่นานมานี้ คสช.ออกคำสั่งยกเลิกตำแหน่งพนักงานสอบสวน ยิ่งทำให้คุณภาพของพนักงานสอบสวนตกต่ำลงมากกว่าเดิม ตำรวจที่มีวุฒิทางกฎหมาย รายได้ก็จะน้อยลง ทำให้หลายคนต้องการเปลี่ยนอาชีพไปเป็นพนักงานอัยการและผู้พิพากษาแทน ดังนั้น หากจะให้พนักงานสอบสวนมีคุณภาพมากกว่านี้ต้องแก้ไขเรื่องนี้ก่อน รวมทั้งปรับวิธีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาให้ยึดเรื่องผลของคดีมากกว่าจำนวนของคดีเป็นหลักด้วย” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว

นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การมองภาพเรื่องการปฏิรูป ต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่าจะปฏิรูปอะไร ซึ่งการปฏิรูปตำรวจและการปฏิรูปสอบสวนไม่ใช่เรื่องเดียวกัน การปฏิรูปตำรวจจึงเป็นหนึ่งในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หากมองเรื่องกระบวนการยุติธรรม ตนไม่ได้สนใจเพียงตำรวจ อัยการ หรือศาล แต่ต้องมองว่าประชาชนจะได้อะไร เพราะกระบวนการยุติธรรมถูกสร้างขึ้นและทำหน้าที่สร้างความสงบสุขในสังคม 

“ผลลัพธ์ของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้หมายความว่าคนจะเข้าคุก แต่จะต้องไม่เกิดความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรมในแต่ชั้นการพิจารณา จึง ต้องตอบให้ได้ว่า ต้องการอะไรจากการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาการปฏิรูปส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่มีคดีขึ้นมาแล้วสังคมรู้สึกว่ายอมรับไม่ได้ เมื่อพูดถึงการปฏิรูปด้านการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีแนวความคิดว่า เพื่อให้เกิดหลักคุณธรรม โดยให้แบ่งกลุ่มผู้มีอาวุโสและผู้มีความสามารถ ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าว หากไม่มีตัวชี้วัดความสามารถ กระบวนการก็จะกลับไปสู่ในสิ่งที่ชี้วัดไม่ได้และจับต้องไม่ได้ ซึ่งก็เป็นปัญหาในระบบราชการมาโดยตลอด ขณะที่เรื่องการสอบสวน ส่วนตัวเชื่อว่า ก็ยังอยู่ในกรอบที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน และต้องมีการชี้จากนักกฎหมายของรัฐว่าพยานหลักฐานใดมีประโยชน์ต่อคดี ซึ่งหมายความว่า อัยการควรมีอำนาจในการควบคุมการสอบสวน แต่ก็มีข้อสงสัยจากหลายฝ่ายว่า อัยการควรเป็นผู้สอบสวนเองหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า ในแง่ของต้นทุนการทำงานของตำรวจและอัยการไม่เท่ากัน แนวคิดนี้อาจไม่ได้รับการตอบสนอง” นายวิศิษฏ์ กล่าว

นายธานี วรภัทร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทางนิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ กล่าวว่า การตั้งข้อหาเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้น ต้องปฏิรูปการตั้งข้อหาให้อยู่กับองค์กรเดียวได้หรือไม่ หรือควรจะการกลั่นกรองอย่างไรให้เกิดการคุ้มครองสิทธิ์ของประชาชนมากขึ้น เพื่อให้เกิดการความยุติธรรมในสังคมไทย เพราะทุกวันนี้มีคดีที่ผิดพลาดเพิ่มมากขึ้น จึงต้องปฏิรูปให้ตรงจุด.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]