กทม.2 ก.ย.- โฆษก อสส.เผยข้อหาที่หมดอายุความพรุ่งนี้ กรณี “บอส อยู่วิทยา” ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต ไม่กระทบขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เหตุข้อหาโทษหนักขับมีอายุความถึงปี 2570
ร้อยโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวกรณีคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาขับรถชน ดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 จะขาดอายุความวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ในข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนตามสมควรและไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานในทันทีที่ชนว่า แม้ข้อหาไม่หยุดรถแสดงตัวเพื่อช่วยเหลือจะขาดอายุความ ก็ไม่กระทบกระบวนการขอส่งตัวนายวรยุทธเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งข้อหานั้นโทษเบา เนื่องจากข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอัตราโทษหนักยังไม่ขาดอายุความ โดยมีอายุความ 15 ปีนับจากเกิดเหตุจะสิ้นสุดอายุความในปี 2570 ซึ่งตามขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอัยการก็แจ้งข้อมูลข้อหาหนักเป็นหลักด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนยังดำเนินต่อไป ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้า เป็นภารกิจของสำนักงานอัยการสำนักต่างประเทศที่มีนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักต่างประเทศดำเนินการ ส่วนของโฆษกฯ ยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลในกระบวนการดังกล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่การติดตามตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการฟ้องคดีก็ต้องทำให้ได้ภายในอายุความที่ยังคงเหลืออยู่ ส่วนข้อหาใดที่ขาดอายุความไปแล้วสิทธิการนำคดียื่นฟ้องถูกระงับไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ส่วนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะต้องรู้และแจ้งพิกัดที่อยู่ในต่างประเทศขณะจะส่งคำร้องให้ชัดเจน ไม่ใช่กระบวนการที่เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไทยไปดำเนินการจับเองในต่างประเทศได้ทันที เจ้าหน้าที่ของไทยจะดำเนินการได้เฉพาะในเขตอำนาจประเทศไทยเท่านั้น ถ้าทราบพิกัดที่ชัดแจ้งแม้ประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ก็สามารถใช้การร้องขอความร่วมมือทางอาญาและอาศัยหลักถ้อยทีถ้อยอาศัยต่างตอบแทนกันโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยอาจเป็นผู้ใช้ช่องทางนี้ได้
สำหรับข้อหาหนัก กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ.- สำนักข่าวไทย