นายกฯ เสียใจ “ยิ่งลักษณ์” หนี ฝ่ายความมั่นคงเป็นจำเลยสังคม

ทำเนียบฯ 29 ส.ค.-  นายกฯ เสียใจ ฝ่ายความมั่นคงเป็นจำเลยของสังคม กรณี “ยิ่งลักษณ์” หลบหนี  สั่งเร่งติดตามเส้นทาง ทั้งในประเทศและนอกประเทศ รอคำตอบอย่างเป็นทางการจากต่างประเทศ หลังสอบถามไป เชื่อ จะติดตามตัวกลับมาได้ ยอมรับ กังวลจะซ้ำรอย “ทักษิณ”


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ยอมรับ รู้สึกเสียใจ ที่ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกลายเป็นจำเลยของสังคม กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ไม่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ รัฐบาลนี้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมุ่งหวังให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ  

“ประเด็นแรก ถ้าทุกคนย้อนกลับไปดู สมัยก่อนใครจะไปไหนก็ตาม ก็ออกคำสั่ง มาตรา 44 ใช่หรือไม่ ว่าจะต้องขออนนุญาต คสช. และที่ผ่านมาสื่อฯ นักสิทธิมนุษยชน ฝ่ายการเมือง ก็บอกว่าเป็นการละเมิด ผมก็ยกเลิกคำสั่งนั้นไปแล้ว  ฉะนั้นเขาไม่ต้องมาขอผม เข้าใจตรงนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 ในระหว่างนี้ ที่การตัดสินยังไม่เกิดขึ้น ศาลก็มีข้อตกลงกับผู้ถูกกล่าวหาว่า ให้มีเงินประกันตัว 30 ล้านบาท ว่าจะไม่หนีออกนอกประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกยึดเงินประกันไปแล้ว นี่คืออีกขั้นตอน เป็นเรื่องของศาล และประเด็นที่ 3  เส้นทางการหายตัว  ได้สั่งการไปหลายวันแล้ว การดำเนินการต้องเช็คหลายทาง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ประสานผ่านทางการทูต ทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV  สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึง รอการตรวจสอบจากทุหน่วยงาน

“ผมก็ให้สอบถามไป และรอคำตอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่ทราบว่าจะตอบมาว่าอย่างไร การเข้าการออก ไปตรงไหน ไปขึ้นเครื่องบินจากตรงไหน ไปยังไง ตอนนี้กำลังดำเนินการทั้งหมด ขึ้นอยู่กับต่างประเทศทั้งต้นทาง ปลายทาง ว่าจะตอบอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่ ” นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในประเทศ หรือหลบหนีไปในเส้นทางใด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความวุ่นวายสับสนพอสมควร  ในการไปติดตามอดีตนายกรัฐมนตรีทุกแห่ง เพราะจะถูกมองว่าเป็นการไปรังแกอดีตนายกรัฐมนตรี  จึงได้สั่งให้ฝ่ายความมั่นคงผ่อนปรนการติดตามออกมาเล็กน้อย มีจุดเฝ้าตรวจอยู่หน้าบ้าน ก่อนและหลังออกจากบ้าน  ซึ่งเมื่ออดีตนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก 


“อยากให้ทุกคนเข้าใจเหตุผล และการชี้แจงนี้ ไม่ได้เป็นคำแก้ตัว  อยากให้ทุกคนมีหลักคิดให้ถูกต้อง และยืนยันว่า  คสช.และฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้ให้การช่วยเหลือในการหลบหนี เว้นแต่มีคนชั่วบางคนปล่อยปละละเลย และถ้าพบมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ หรือรับผลประโยชน์ ก็จะต้องหาจนเจอและถูกลงโทษ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถ แต่ต้องขอเวลาระยะหนึ่ง เพราะเกี่ยวพันกับต่างประเทศ ไม่ต้องการให้วิพากษ์วิจารณ์ไปก่อน เกรงจะเป็นปัญหา  อย่าเอาเรื่องทุกเรื่องมาปนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเสียหาย  

“ถ้าไปต่างประเทศ ก็ต้องมีการขอความร่วมมือ  ขอส่งตัว อะไรต่างๆ ท่านแรกยังกลับไม่ได้เลย เพราะว่าท่านก็เคลื่อนไหวของท่านไปเรื่อย  เพราะฉะนั้นก็เป็นเคสเดียวกับทายาทกระทิงแดง นั่นขอตำรวจสากลไป 170 ประเทศ ยังกลับมาไม่ได้เลย แต่ผมยืนยันว่า ต้องลงโทษให้ได้  ต้องหาวิธีการทางกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เป็นการไม่สมควร หากหลังจากนี้อดีตนายกรัฐมนตรีจะมีความเคลื่อนไหว เพราะเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งขณะนี้มีความผิดเพียงเรื่องเดียว คือ การหลีกเหลี่ยงการไปศาล และถูกยึดเงินประกัน  ส่วนเรื่องคดียังไม่ถูกตัดสิน ต้องรอฟังผลเดือนกันยายน ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร 

นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่า มีความกังวลว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะซ้ำรอยกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร และว่า  ถ้าหลบหนี ก็จะเป็นผู้ร้ายหนีคดี ก็ต้องลดการให้เกียรติ  ที่ผ่านมาให้เกียรติมาตลอด  

 “วันนี้ อย่ายกความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผม และไม่อยากให้คิดว่า ฝ่ายความมั่นคงล้มเหลว  เพราะได้ทำเรื่องดีให้เกิดผลสัมฤทธิ์หลายเรื่อง ผมหนักอกนะ ถ้าเป็นผม ท่านจะรู้ว่า ท่านทำไม่ได้หรอก จะช่วยใคร ผมช่วยไม่ได้ อย่าเอาเรื่องนี้ไปพันเรื่องโน้น คลิปออกมาเต็มไปหมด มันคนละเวลา มันคนละเรื่อง  มันปิดไม่มิดหรอก เดี๋ยวหาเจอจนได้ ใจเย็นๆ อย่าให้อย่างอื่นพังไปด้วยเลย ผมขอร้อง อย่าให้สิ่งที่ผมพยายามทำมา 3 ปี มันล้มละลายไปด้วยคนๆเดียว ผมขอแค่นี้ได้หรือไม่ ถ้าท่านเชื่อมั่น ผมจะทำให้” นายกรัฐมนตรี กล่าว “ นายกรัฐมนตรี กล่าว  

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังไม่ขอตอบ กรณีหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัย  โดยให้เหตุผลว่า  ยังไม่ชัดเจนว่าจะลี้ภัยเพราะเหตุใด และคาดว่าไม่น่าจะขอลี้ภัยได้        .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]