กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – ปริมาณน้ำแม่น้ำน่านที่จังหวัดนครสวรรค์เกือบเต็มความจุลำน้ำใกล้เข้าภาวะวิกฤติ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาชัยนาทยังต้องคงปริมาณการระบาย 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อไม่ให้น้ำที่ล้นตลิ่งพื้นที่นอกคันกั้นน้ำในจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยามีระดับน้ำสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม่น้ำน่านที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำมากถึงร้อยละ 82 ของความจุลำน้ำแล้วไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมืองนครสวรรค์ โดยมีทั้งน้ำจากฝนที่ตกในพื้นที่และน้ำจากฝนที่ตกหนักทางตอนบนของประเทศยังคงไหลมาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
นายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 กล่าวว่า วันนี้ผู้นำชุมชนในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตคันกั้นน้ำจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยามาดูวิธีการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งไม่ได้ระบายท้ายเขื่อนเพียงด้านเดียว โดยทดน้ำหน้าเขื่อนขึ้นเพื่อผันน้ำเข้าสู่แม่น้ำคูคลองฝั่งซ้ายและขวาด้านเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้นจากวันละ 280 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 380 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากเกินกว่านี้ข้าวที่กำลังออกรวงริมแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำท่าจีนก็จะถูกน้ำท่วม ระดับน้ำเหนือเขื่อนปรับเพิ่มขึ้นอีก 45 เซนติเมตร เพื่อหน่วงน้ำให้ไหลออกท้ายเขื่อนน้อยลงวันนี้ระบาย 1,498 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนผู้นำชุมชนได้ขอให้ลดระดับน้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างลงอีก 30 เซนติเมตรนั้น ทางชลประทานยืนยันว่าการคงระบายน้ำไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ร่วมกับวิธีบริหารจัดการดังกล่าวจะทำให้ระดับน้ำไม่สูงเกินไปกว่านี้ ทั้งนี้ ผู้นำชุมชนขอให้ป้องกันน้ำไม่ให้ข้ามคันไปท่วมนาข้าว ซึ่งจะเก็บเกี่ยวหมดภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ หลังจากนั้นจะผันน้ำลงเป็นแก้มลิงก็ยินดี. – สำนักข่าวไทย