รร.พลาซ่าฯ 25 ส.ค. – ครม.เห็นชอบภาษีสรรพสามิตความหวานและปรับลดอัตราภาษี หลังเปลี่ยนการคำนวณราคาขายปลีกแนะนำ เพื่อให้เอกชนขายสินค้าราคาเดิม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.อังคารที่ผ่านมา เห็นชอบการกำหนดอัตราภาษีตามพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายสรรพสามิต บังคับใช้วันที่ 16 กันยายนนี้ เพื่อจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตามพิกัดใหม่ทุกรายการสินค้า หลังจากปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณภาษีสรรพสามิต จากราคาหน้าโรงงานและราคา CIF หน้าท่าเรือ เปลี่ยนมาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ เมื่อปรับการคำนวณจากฐานราคาขายปลีก จึงต้องปรับลดอัตราภาษี เช่น เดิมเสียภาษีสรรพสามิตร้อยละ 20 ลดเหลือร้อยละ 15 เพื่อให้ผู้ผลิตจ่ายภาษีเท่าเดิมและเอกชนขายสินค้าราคาเดิมไม่ให้กระทบต่อผู้ซื้อ ยอมรับผู้ผลิตที่ตั้งกำไรสูงเกินจริงจะต้องปรับลดลงมาบางส่วน ขณะที่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์จะปรับลดลงหลายรายการ เช่น รถยนต์ไฮบริดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซค์น้อย
นอกจากการปรับเปลี่ยนอัตราภาษีแล้ว ยังจัดเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่ไม่เคยจัดเก็บภาษี เช่น การแก้ไขนิยามให้ครอบคลุมรายการเครื่องดื่มตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 (ประกอบด้วย เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ชา กาแฟ นมถั่วเหลือง นมปรุงแต่ง ผลิตภัณฑ์ของนม นมเปรี้ยว เครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีปริมาณน้ำตาลมากกว่า 6 กรัม/100 มิลลิลิตร) และให้กรมสรรพสามิตปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีสรรพสามิตในน้ำผลไม้และน้ำพืชผักให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมสุขภาพ โดยกำหนดอัตราส่วนผสมของพืชผักจากธรรมชาติ (ยกเว้นชา กาแฟ) ให้สูงขึ้น รวมทั้งจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ครอบคลุมเครื่องดื่มตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ใน 2 อัตรา ตามความเข้มข้นของน้ำตาล คือ มากกว่า 6-10 กรัม/100 มิลลิลิตร และ มากกว่า 10 กรัม /100 มิลลิลิตร โดยควรจัดเก็บภาษีในอัตราที่ทำให้ราคาสูงขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของราคาขายปลีก
ดังนั้น การจัดเก็บภาษีจึงจัดเก็บตามราคาและปริมาณความหวานรวมอยู่ด้วยกัน คือ 1.ภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม จัดเก็บภาษีร้อยละ 20 ของมูลค่า 2. ภาษีสรรพสามิตตามค่าความหวาน ค่าความหวาน 0-6 มิลลิกรัม (มก.) ต่อลิตร ยกเว้นภาษี รัฐบาลยังให้เวลาภาคเอกชนปรับตัววางแผนการผลิตสินค้าระยะเวลา 6 ปี โดยในช่วง 2 ปีแรก จัดเก็บในอัตราต่ำมาก แต่หากความหวานสูงมากจัดเก็บสูงด้วยเช่นกัน และหากเอกชนต้องการรักษาฐานการตลาดใช้ปริมาณความหวานเดิมต้องยอมจ่ายเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารโตโยต้า ยอมรับว่าหลังจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ)เห็นชอบการผลิตรถยนต์ไฮบริดตามภาษีสรรพสามิตใหม่ จากเดิมเสียภาษีร้อยละ 10 ทำให้ภาระภาษีลดลงเหลือร้อยละ 5 เมื่อยื่นขอประทานบัตรจากบีโอไอแล้ว พร้อมหารือกรมสรรพสามิต 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่อเริ่มวางไลน์การผลิตแคมรี่ไฮบริดออกสู่ตลาด เมื่อราคาลดลงจะทำให้ประชาชนหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น สำหรับรายละเอียดการเสียภาษีสรรพสามิตทั้งระบบกรมสรรพสามิตจะชี้แจงวันจันทร์หน้า.- สำนักข่าวไทย