ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคฯ “7 ปีแห่งความผูกพัน เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน”

กรุงเทพ 26 มี.ค. – ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประกาศความสำเร็จตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2 % พร้อมสานต่อกลยุทธ์ “Must Win” ในปี 2568 เสริมแกร่งตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชาและกาแฟพร้อมดื่ม ขณะเดียวกันยังระบุภาษีความหวานไม่ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัท


นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง และเรายังเป็นเจ้าแรกที่เริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (rPET) ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนโดยมีกลยุทธ์ ‘Must Win’ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จดังกล่าว ประกอบด้วย
1) เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม(Strengthen Core) โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล ส่งผลให้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1%
2) ขยายกลุ่มนวัตกรรมเครื่องดื่ม (Portfolio Transformation) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและความอร่อย เพลิดเพลินไปกับรสชาติใหม่ ๆ ที่ลงตัวของชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส และกาแฟพร้อมดื่มบอส คอฟฟี่ รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยเครื่องดื่มให้พลังงานแนวใหม่อย่างสติงค์
3) สร้างความสำเร็จร่วมกับคู่ค้า (Win With Customers) ขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจำหน่าย เน้นการใช้เทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพการขาย สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
4) ส่งเสริมการเติบโตระยะยาวด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมุ่งสู่ความยั่งยืน (Insulated Long Term)

  • ส่งมอบเครื่องดื่มที่มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานด้านอาหาร สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีปริมาณเครื่องดื่มที่ผลิตได้เฉลี่ย 1,300 ล้านลิตรต่อปี ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถใช้น้ำเพียง 1.40 ลิตร จากทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตร รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านโครงการ ‘มิซุอิกุ’ (Mizuiku) ตั้งแต่    ปี 2562 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน
  • ขยายผลการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการคัดแยกและเก็บกลับขวด PET ใช้แล้วอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาเป็นขวดใหม่ หรือที่เรียกว่า‘Bottle-to-Bottle Recycling’ นอกจาก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายแรกในประเทศไทยที่เริ่มใช้ขวด rPET100% ยังขยายการใช้ขวด rPET กับเป๊ปซี่และชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัสครอบคลุมถึง 18 SKUsซึ่งถือว่าสูงที่สุดในตลาดเครื่องดื่มปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ (Virgin PET) ได้มากกว่า 8,300 ตัน (มีนาคม 2561 – ธันวาคม 2567)
    5) พัฒนาองค์กรพร้อมดูแลพนักงาน ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อการเติบโตไปพร้อมกับองค์กร  สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพนักงานอย่างแท้จริง การันตีด้วยรางวัลอันทรงเกียรติจากหลากหลายเวที โดยล่าสุด ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เป็นหนึ่งใน‘50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2568’ (Top 50 Companies in Thailand 2025) จัดลำดับโดย WorkVenture ติดต่อกันถึง 2 ปี (2567 – 2568)

นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เกิดจากการที่เราเน้นทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพวกเขา ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งความใส่ใจเรื่องสุขภาพที่มีมากขึ้น การใช้จ่ายเงินเพื่อแลกกับการได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลซึ่งในส่วนของภาษีความหวานจะไม่ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัท เพราะที่ผ่านมาได้มีการทำวิจัยความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลเลยทำให้ต้องค่อยๆปรับลดน้ำตาลลง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มเป๊ปซี่ สามารถจำหน่ายได้มากถึง 75% ของเครื่องดื่มทั้งหมดที่บริษัท ซันโตรี่ เป๊ปซี่โค ผลิตขายและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 39.1% โดยเตรียมขยายตลาดให้มีส่วนแบ่งตลาดรวม 40% ภายในสิ้นปี 2568 นี้ สำหรับในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2% และตั้งเป้าเติบโตปีละ 0.1% ทุกปี


นายยศยุต สหวัชรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ตามแนวคิด People-First มุ่งพัฒนาและดูแลบุคลากร เพื่อให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับความสำเร็จขององค์กร โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาศักยภาพ และวางแผนเส้นทางอาชีพที่เหมาะสมตามแต่ละสายงาน ทั้งพนักงานที่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่และที่โรงงานของเรา รวมถึงนำเสนอโอกาสที่หลากหลายและประสบการณ์การทำงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับพนักงานที่มีความสามารถ อีกทั้งเรายังสนับสนุนให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับองค์กร สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนกล้าที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ที่สำคัญ เรายังดำเนินโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากมาย ตอกย้ำค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทยโดดเด่นและกลายเป็นองค์กรในฝันของใครหลาย ๆ คน

นายทานุจ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในปี 2568 นี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Accelerate portfolio transformation) เสริมความแข็งแกร่งด้านการขายและซัพพลายเชน (Sharp Commercial and Supply Chain Capacity) เพิ่มขีดความสามารถการผลิต และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง รสชาติดี และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา ที่สำคัญ มุ่งส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความสามารถของบุคลากรอย่างแท้จริง (Build our performance-driven culture and talent) พร้อมสานต่อกลยุทธ์ ‘Must Win’เพื่อก้าวสู่การเป็น ‘บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง’ (the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity).-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

เพลิงไหม้หอพักพยาบาล รพ.ศิริราช

กทม. 29 มิ.ย. – เพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่คุมเพลิงได้แล้ว ช่วยผู้ติดค้างออกมาได้อย่างปลอดภัย วันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 12.30 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่วมไทร เหตุเพลิงไหม้ภายในหอพักพยาบาล (แปดไร่) โรงพยาบาลศิริราช ถนนรถไฟ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์ สปภ.กทม. ถึงที่เกิดเหตุ พบกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้นใต้ดิน จึงทำการตรวจสอบและอพยพผู้ที่ติดค้างด้านบนลงมา เวลา 12.55 น. พบจุดต้นเพลิงบริเวณชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้น้ำทำการดับ มีผู้ติดค้างภายในลิฟต์ชั้นที่ 12 เจ้าหน้าที่และช่างลิฟต์ประจำอาคาร ได้ทำการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย เวลา 13.04 น. เพลิงสงบ .-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพา ผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าผ่านแดน

29 มิ.ย.- กองกำลังบูรพา ผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้า ผ่านเข้า-ออก 3 ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจำกัดเวลา-จำนวนคัน เริ่มวันนี้ (29 มิ.ย.) และให้แล้วเสร็จใน 7 วัน ลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม กองกำลังบูรพา ออกประกาศ เรื่อง การควบคุมด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 1. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาตรวจราชการ และประชุมหารือประเด็นผลกระทบมาตรการการควบคุมด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยให้หน่วยงานความมั่นคง ประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการควบคุมชายแดน และที่ประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ให้มีการผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าไทยที่ตกค้าง และรถขนส่งสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก หรือใบขนสินค้าผ่านแดน ที่ได้ส่งข้อมูลเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ก่อนวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ข้ามไปยังกัมพูชาและกลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย 2. เพื่อเป็นการลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติการควบคุมสอดคล้องกับการดำเนินการตามข้อ 1 กองกำลังบูรพา จึงขอประสานให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้2.1 ให้ผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ได้วันละไม่เกิน […]

นายกฯ นำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว

เพื่อไทย 29 มิ.ย. – โฆษกพรรคเพื่อไทย เผยนายกฯ นำชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว รอหารือที่ประชุมพรรค 3 ก.ค.นี้ หลังมี สส.อีสาน ทวงเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำคัญ ทราบว่าทางทำเนียบรัฐบาลได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว ขอให้รอขั้นตอนต่อไปว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อใด ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า สส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยทวงโควตาเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 หลังผิดหวังจากโผ ครม. นายดนุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งในการปรับคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง ทุกพรรคมีแรงกระเพื่อมหมด ซึ่งแน่นอนว่ามีคนอยากเข้าไปทำงานเป็นเรื่องปกติ โดยในวันที่ 2 ก.ค.นี้ จะมีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค. จะมีการพูดคุยถึงขั้นตอนหลายๆ อย่าง ส่วนเรื่องการเลือกรองประธานสภาฯ คนใหม่ ได้รับแจ้งว่าน่าจะก่อนวันที่ 15 ก.ค. ส่วนพรรคเพื่อไทยจะส่งใครเป็นตัวแทน […]

ปชน.ประณามแกนนำม็อบปราศรัยเจตนาปูทางรัฐประหาร

พรรคประชาชน 29 มิ.ย.-พรรคประชาชน ประณามแกนนำผู้ชุมนุมปราศรัยปลุกปั่นชาตินิยม เจตนาปูทางรัฐประหาร ย้ำทางออกจากวิกฤตการเมือง คือ ยุบสภา เปิดทางเลือกตั้งใหม่  พรรคประชาชนแสดงความเห็นถึงการชุมนุมเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า ความเห็นของพรรคประชาชนต่อการชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดิน” การชุมนุมที่นำโดย “คณะรวมพลังแผ่นดิน” เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แม้จะมีข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออก และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องตามปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่า การปราศรัยของแกนนำบนเวทีบางคนกลับมีเนื้อหาที่เปิดทางให้กับการรัฐประหาร รวมถึงมีการปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต  พรรคประชาชนขอประณามการสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง  พรรคประชาชนขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนการชุมนุมด้วยความไม่พอใจต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ถอนตัวจากการสนับสนุนคณะรวมพลังแผ่นดิน ที่มีแกนนำบางคนมีเจตนาสนับสนุนการรัฐประหารและการแทรกแซงการเมืองด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย เพราะแม้ว่าการแสดงออกทางการเมืองด้วยการชุมนุมประท้วงจะเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่พวกเราคนไทยต่างได้รับบทเรียนอย่างดีแล้วว่า 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศชาติและประชาชนบอบช้ำเสียหายอย่างไม่อาจประเมินได้จากการรัฐประหาร 2 ครั้ง และปัญหาการเมืองของเราไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิถีทางนอกประชาธิปไตย ผลพวงจากการรัฐประหารกลับซ้ำเติมปัญหาการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล การคอร์รัปชัน กระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว และการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องและกลุ่มทุนผูกขาดเสียด้วยซ้ำ วันนี้เราต้องไม่ยินยอมให้ใครฉวยโอกาสเอาความผิดพลาดล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มาเปิดทางให้กับการรัฐประหารหรือการแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิถีทางที่ขัดต่อประชาธิปไตยอีก ซึ่งมีแต่จะก่อวิกฤตซ้ำซ้อนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น พรรคประชาชน ขอยืนยันว่า ทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่ดีที่สุด คือหนทางปกติตามระบบรัฐสภา […]