ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคฯ “7 ปีแห่งความผูกพัน เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน”

กรุงเทพ 26 มี.ค. – ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประกาศความสำเร็จตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2 % พร้อมสานต่อกลยุทธ์ “Must Win” ในปี 2568 เสริมแกร่งตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชาและกาแฟพร้อมดื่ม ขณะเดียวกันยังระบุภาษีความหวานไม่ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัท


นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง และเรายังเป็นเจ้าแรกที่เริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (rPET) ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนโดยมีกลยุทธ์ ‘Must Win’ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จดังกล่าว ประกอบด้วย
1) เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม(Strengthen Core) โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล ส่งผลให้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1%
2) ขยายกลุ่มนวัตกรรมเครื่องดื่ม (Portfolio Transformation) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและความอร่อย เพลิดเพลินไปกับรสชาติใหม่ ๆ ที่ลงตัวของชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส และกาแฟพร้อมดื่มบอส คอฟฟี่ รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยเครื่องดื่มให้พลังงานแนวใหม่อย่างสติงค์
3) สร้างความสำเร็จร่วมกับคู่ค้า (Win With Customers) ขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจำหน่าย เน้นการใช้เทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพการขาย สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
4) ส่งเสริมการเติบโตระยะยาวด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมุ่งสู่ความยั่งยืน (Insulated Long Term)

  • ส่งมอบเครื่องดื่มที่มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานด้านอาหาร สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีปริมาณเครื่องดื่มที่ผลิตได้เฉลี่ย 1,300 ล้านลิตรต่อปี ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถใช้น้ำเพียง 1.40 ลิตร จากทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตร รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านโครงการ ‘มิซุอิกุ’ (Mizuiku) ตั้งแต่    ปี 2562 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน
  • ขยายผลการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการคัดแยกและเก็บกลับขวด PET ใช้แล้วอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาเป็นขวดใหม่ หรือที่เรียกว่า‘Bottle-to-Bottle Recycling’ นอกจาก ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายแรกในประเทศไทยที่เริ่มใช้ขวด rPET100% ยังขยายการใช้ขวด rPET กับเป๊ปซี่และชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัสครอบคลุมถึง 18 SKUsซึ่งถือว่าสูงที่สุดในตลาดเครื่องดื่มปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ (Virgin PET) ได้มากกว่า 8,300 ตัน (มีนาคม 2561 – ธันวาคม 2567)
    5) พัฒนาองค์กรพร้อมดูแลพนักงาน ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อการเติบโตไปพร้อมกับองค์กร  สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพนักงานอย่างแท้จริง การันตีด้วยรางวัลอันทรงเกียรติจากหลากหลายเวที โดยล่าสุด ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เป็นหนึ่งใน‘50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2568’ (Top 50 Companies in Thailand 2025) จัดลำดับโดย WorkVenture ติดต่อกันถึง 2 ปี (2567 – 2568)

นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เกิดจากการที่เราเน้นทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพวกเขา ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งความใส่ใจเรื่องสุขภาพที่มีมากขึ้น การใช้จ่ายเงินเพื่อแลกกับการได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลซึ่งในส่วนของภาษีความหวานจะไม่ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัท เพราะที่ผ่านมาได้มีการทำวิจัยความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลเลยทำให้ต้องค่อยๆปรับลดน้ำตาลลง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มเป๊ปซี่ สามารถจำหน่ายได้มากถึง 75% ของเครื่องดื่มทั้งหมดที่บริษัท ซันโตรี่ เป๊ปซี่โค ผลิตขายและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 39.1% โดยเตรียมขยายตลาดให้มีส่วนแบ่งตลาดรวม 40% ภายในสิ้นปี 2568 นี้ สำหรับในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8.2% และตั้งเป้าเติบโตปีละ 0.1% ทุกปี


นายยศยุต สหวัชรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ตามแนวคิด People-First มุ่งพัฒนาและดูแลบุคลากร เพื่อให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับความสำเร็จขององค์กร โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาศักยภาพ และวางแผนเส้นทางอาชีพที่เหมาะสมตามแต่ละสายงาน ทั้งพนักงานที่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่และที่โรงงานของเรา รวมถึงนำเสนอโอกาสที่หลากหลายและประสบการณ์การทำงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับพนักงานที่มีความสามารถ อีกทั้งเรายังสนับสนุนให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับองค์กร สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนกล้าที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ที่สำคัญ เรายังดำเนินโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากมาย ตอกย้ำค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทยโดดเด่นและกลายเป็นองค์กรในฝันของใครหลาย ๆ คน

นายทานุจ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในปี 2568 นี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Accelerate portfolio transformation) เสริมความแข็งแกร่งด้านการขายและซัพพลายเชน (Sharp Commercial and Supply Chain Capacity) เพิ่มขีดความสามารถการผลิต และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง รสชาติดี และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา ที่สำคัญ มุ่งส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความสามารถของบุคลากรอย่างแท้จริง (Build our performance-driven culture and talent) พร้อมสานต่อกลยุทธ์ ‘Must Win’เพื่อก้าวสู่การเป็น ‘บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง’ (the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity).-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย