นนทบุรี 19 ส.ค. – พาณิชย์ดันเอกชนไทยลงทุนธุรกิจคลินิกความงามและเครื่องสำอางในเมียนมา หลังพบมีโอกาสเติบโตและมูลค่าตลาดสูงถึง 1.11 หมื่นล้านบาทต่อปี แนะกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเจาะผ่านแฟรนไชส์และหาพันธมิตรร่วมทุน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนธุรกิจด้านคลินิกความงามและเครื่องสำอางในประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็นแนวโน้มอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยตลาดความงามและธุรกิจเครื่องสำอางในเมียนมามีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 14 คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 318 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11,100 ล้านบาท รวมทั้งยังพบว่าเมียนมามีงบประมาณโฆษณาในกลุ่มอุตสาหกรรมความงามมากถึงร้อยละ 77 ต่อปี ทำให้เป็นโอกาสของธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนและเปิดตลาดในเมียนมาได้
“ผู้บริโภคเมียนมาให้ความสำคัญกับแบรนด์และคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ซึ่งแบรนด์ไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดเมียนมาอย่างดี ประกอบกับชาวเมียนมาส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานและมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของธุรกิจความงามของไทย” นางอภิรดี กล่าว
สำหรับแผนการผลักดันผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนธุรกิจคลินิกความงามและเครื่องสำอางในเมียนมา ภาคเอกชนไทยจะต้องขยายธุรกิจในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ เช่นเดียวกับแบรนด์นิติพลและแบรนด์วุฒิศักดิ์ ด้วยการให้นักลงทุนท้องถิ่นดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเช่าสำนักงาน เนื่องจากค่าเช่าในเมียนมาค่อนข้างสูง หรือการหาพันธมิตร (พาร์ทเนอร์) ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ เนื่องจากพาร์ทเนอร์ที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความรู้ด้านการตลาดและการเข้าถึงตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ธุรกิจคลินิกความงามในเมียนมาร์เป็นธุรกิจบริการที่ต่างชาติสามารถลงทุนได้ร้อยละ 100 แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสุขภาพและขึ้นอยู่กับขอบเขตของการบริการ หากเป็นคลินิกศัลยกรรมตกแต่งความงามตามกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่กำหนดว่าต้องมีการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น โดยสัดส่วนเป็นไปตามการอนุมัติของคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนเมียนมา (MIC) ดังนั้น เอกชนไทยจะต้องศึกษาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในการเจาะตลาด โดยปัจจุบันผู้บริโภคชาวเมียนมาคำนึงถึงบุคลิกภาพของตนเองมากขึ้น และมีความต้องการสินค้ามีนวัตกรรมใหม่ๆ สอดรับกับการเติบโตของสังคมเมือง การเติบโตของสังคม Social Network ค่านิยมดารา นักแสดงไทย จากภาพยนตร์และละครไทย และการที่เมียนมาเริ่มมีเวทีประกวดต่างๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งเวทีประกวดนางงาม Miss Myanmar Universe , Miss Myanmar World , Myanmar Got Talent , Myanmar Idol เป็นต้น ทำให้แรงซื้อมีมากขึ้น
ส่วนข้อควรระวังในการลงทุนที่เมียนมานั้น จะต้องคำนึงถึงสัญญาการเช่าสำนักงาน เนื่องจากกฎหมายเมียนมากำหนดว่าระยะเวลาการเช่าที่ต้องทำสัญญาแบบปีต่อปี และต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้า 1 ปี , การลงทุนควรปรึกษาหน่วยงานที่มีข้อมูลด้านกฎหมายของเมียนมาเพื่อความชัดเจน เพราะเมียนมาอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎหมายลงทุนฉบับใหม่ปี 2560 ทำให้กฎหมายลูกต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการร่าง และยังไม่มีความชัดเจน และการลงทุนในธุรกิจบริการ โดยกฎหมายเมียนมาอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนได้ ร้อยละ 100 ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งชำระได้ 2 งวด
ส่วนสินค้าประเภทเครื่องสำอาง อาหารและยา จำเป็นต้องขึ้นทะเบียนองค์การอาหารและยาของเมียนมา (FDA) ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำกับดูแลเรื่องอาหารและยาเหมือนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย โดยผู้ที่เป็นผู้นำเข้าต้องเป็นบริษัทเมียนมาเท่านั้น ที่ต้องเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาต บริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของสินค้า แม้ว่าจะมาตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดในเมียนมาก็ไม่สามารถขอ อย. ได้ และผู้ที่เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายจะต้องเป็นผู้นำเข้าสินค้านั้นเองด้วย ซึ่งต้องมีใบอนุญาตนำเข้าสินค้า ปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามของไทยที่เข้ามาตั้งในเมียนมาร์หลายราย เช่น วุฒิศักดิ์ คลินิก, นิติพล คลินิก, ดร.ปัญญา (3 สาขา) , ธนพร คลินิก อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นและพฤกษา คลินิกอยู่ระหว่างการศึกษาลู่ทางธุรกิจ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย